บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนการมีแหล่งกระแสเงินสดที่กระจายตัวทั้งจากธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วน รวมทั้งสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจอาหารบริการด่วน และการมีโรงแรมที่มีความหลากหลายซึ่งล้วนมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัลด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจโรงแรมที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและถูกกระทบได้ง่ายจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ รวมทั้งจากลักษณะของธุรกิจอาหารบริการด่วนที่มีอัตรากำไรต่ำ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมทั้ง 2 ประเภทจัดว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงเมื่อพิจารณาจากอุปสงค์ของจำนวนห้องพักในโรงแรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและการทำการตลาดเชิงรุกในหมู่ผู้ประกอบการอาหารบริการด่วน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะการแข่งขันที่แข็งแกร่งในแบรนด์สินค้าหลักทั้งในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วน การดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นโดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและโรงแรมหลายแห่งก็แล้วเสร็จ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทหากยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิต ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิต และ/หรือ อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเปลี่ยนหากบริษัทสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและสามารถบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาก่อตั้งโดยตระกูลจิราธิวัฒน์ในปี 2523 เพื่อดำเนินธุรกิจโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทบริหารโรงแรมจำนวน 31 แห่งในประเทศและ 3 แห่งในต่างประเทศ ด้วยจำนวนห้องพักกว่า 6,077 ห้อง บริษัทมีโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองทั้งสิ้น 14 แห่ง โดย 2 แห่งเป็นเจ้าของในลักษณะของการร่วมทุน และ 1 แห่งอยู่ภายใต้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของคิดเป็นสัดส่วน 60% ของจำนวนห้องทั้งหมด บริษัทบริหารงานโรงแรมภายใต้แบรนด์ “เซ็นทารา” และ “เซ็นทรา”
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้การบริหารงานของบริษัทในเครือคือ บริษัท เซ็นทรัลเรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) โดยปัจจุบัน CRG ได้เปิดให้บริการอาหารบริการด่วนจำนวน 12 แบรนด์ ซึ่งประกอบไปด้วยร้านอาหารภายใต้แฟรนไชส์จากต่างประเทศหลากหลายแบรนด์ และบริษัทมีแบรนด์ของตนเองคือ “ริว ชาบู ชาบู” และ “เดอะ เทอเรส” ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 บริษัทมีจำนวนสาขารวมทั้งหมด 634 แห่งทั่วประเทศ
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซามีรายได้จากธุรกิจอาหารคิดเป็นสัดส่วน 54%-60% ของรายได้รวมทั้งหมด ในขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจโรงแรม บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจอาหารคิดเป็นสัดส่วน 35%-52% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นมา ความต้องการห้องพักเพิ่มขึ้นเนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่สงบลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 19.8% ในปี 2554 และเพิ่มขึ้น 7.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักโรงแรมของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาปรับตัวดีขึ้นจาก 58.1% ในปี 2553 เป็น 63.9% ในปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 70.0% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ทั้งนี้ จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อัตราการเข้าพักโรงแรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 50.2% ในปี 2553 เป็น 58.0% ในปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 62.3% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 ส่วนอัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ของบริษัท (Revenue Per Available Room -- RevPAR) โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 1,981 บาทต่อวันในปี 2553 เป็น 2,340 บาทต่อวันในปี 2554 และ 2,745 บาทต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวบางส่วนเกิดจากราคาที่สูงขึ้นของห้องพักของโรงแรมใหม่ของบริษัทที่เปิดในช่วงปี 2553-2554 เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 นั้นไม่มีรายงานความเสียหายในส่วนของโรงแรมของบริษัทแต่อย่างใด มีเพียงยอดขายที่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการยกเลิกการจองเข้าพักเท่านั้น
ในปี 2554 รายได้ของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาเพิ่มขึ้นถึง 22% สู่ระดับ 11,163 ล้านบาทเนื่องจากรายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นถึง 24% ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 20% จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากโรงแรมใหม่หลายแห่งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ รายได้รวมของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้นถึง 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน สู่ระดับ 7,061 ล้านบาทเนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น “โอโตยะ” ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจากระดับ 16.2% ในปี 2553 เป็น 18.6% ในปี 2554 เนื่องจากการปรับปรุงอัตรากำไรในธุรกิจอาหารและและธุรกิจโรงแรม โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 21.5%
เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจาก 1,158 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 1,548 ล้านบาทในปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 1,242 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เนื่องจากโรงแรมใหม่หลายแห่งก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 10.8% ในปี 2553 เป็น 13.7% ในปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 10.4% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.9 เท่าในช่วงปี 2552-2554 เป็น 6.1 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2555
โครงสร้างเงินทุนของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาอ่อนแอลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการขยายตัวในธุรกิจโรงแรม โดยบริษัทใช้เงินทุนมากกว่า 12,500 ล้านบาทเพื่อลงทุนและก่อสร้างโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น กรุงเทพฯ กระบี่ พัทยา ภูเก็ต และเกาะมัลดีฟ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงกว่า 60% ตั้งแต่ปี 2552 โดยอัตราส่วนดังกล่าวขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 65% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และลดลงเล็กน้อยเหลือ 64% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 ในระยะปานกลางคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงเนื่องจากบริษัทสามารถใช้เงินทุนจากการดำเนินงานบางส่วนมาลงทุนในอนาคต โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A- อันดับเครดิตตราสารหนี้: CENTEL163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A- CENTEL163B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html