ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & ตราสารหนี้ “บ. เบทาโกร” ที่ “A/Stable”

ข่าวทั่วไป Monday September 24, 2012 16:32 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และนโยบายการขยายธุรกิจในรูปการร่วมทุน ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนธัญพืชและราคาสินค้าเกษตรซึ่งมีความผันผวนเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้ต่อไป โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์อาหารจะช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทได้บางส่วน ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะคงนโยบายในการรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุนให้อยู่ในระดับ 50% ในระยะกลางถึงระยะยาว

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเบทาโกรก่อตั้งในปี 2510 โดยกลุ่มตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ และปัจจุบันมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ณ เดือนเมษายน 2555 ตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในบริษัททั้งโดยตรงในสัดส่วน 14.33% ของหุ้นทั้งหมด และถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทแม่คือ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด อีก 69.45% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 6 สาย ประกอบด้วย ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกร ธุรกิจเครือภูมิภาคและอาหาร ธุรกิจสุขภาพสัตว์ และธุรกิจอื่น ๆ ระหว่างปี 2550-2554 รายได้จากธุรกิจไก่มีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็น 40% ของรายได้รวมของบริษัท รองลงมาคือธุรกิจอาหารสัตว์ (37%) และธุรกิจสุกร (14%) รายได้จากการขายภายในประเทศคิดเป็น 86% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2554 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 14%

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ตั้งแต่การร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2523 บริษัทเบทาโกรก็ยังคงดำเนินนโยบายการร่วมทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนกับหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่น การขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุนนอกจากจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสำหรับการส่งออกแล้ว ยังเป็นประโยชน์แก่บริษัทในการปรับปรุงการดำเนินงานและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการเลื้ยงสุกร SPF (Specific Pathogen Free) ซึ่งเป็นการเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรคและสารตกค้าง ผลสำเร็จจากการร่วมทุนทำให้บริษัทเติบโตโดยลำดับจนเป็นผู้นำในการผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงในประเทศไทยและมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 3 ในธุรกิจเนื้อไก่ ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจไก่และสุกรแบบครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์ไปจนถึงการแปรรูปเนื้อไก่และสุกรเป็นอาหารสำเร็จรูป การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทมีมาตรฐานในระดับสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ ตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศประชาคมยุโรป โดยสินค้าที่ส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นการส่งออกผ่านทางผู้ร่วมทุนของบริษัท

บริษัทเบทาโกรให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างตราสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์พื้นฐานของบริษัทซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ในระหว่างปี 2549-2554 ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นสัดส่วน 16%-18% ของยอดขายรวมของบริษัทในแต่ละปี สำหรับตลาดในประเทศนั้น บริษัทได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายของตนเองผ่าน “ร้านเบทาโกร” เพื่อให้บริการผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและร้านอาหาร โดย ณ เดือนธันวาคม 2554 บริษัทมีร้านเบทาโกร 86 สาขาทั่วประเทศไทยและมีเป้าหมายจะเปิดเพิ่มเป็น 147 สาขาภายในปี 2557

ผลประกอบการของบริษัทเบทาโกรในปี 2554 อยู่ในระดับที่ดีตามวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม โดยยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 58,850 ล้านบาทในปี 2554 หรือเพิ่มขึ้น 16.7% จากปี 2553 ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักคือปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจอาหารสัตว์และราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 12.9% ในปี 2553 เป็น 14.3% ในปี 2554 เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์บกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 5,656 ล้านบาทในปี 2554

หลังจากราคาเนื้อสัตว์บกปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2554 แล้วก็เข้าสู่วัฎจักรตกต่ำในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เนื่องจากผู้ผลิตหลายรายได้ขยายกำลังการผลิตจนทำให้เนื้อสัตว์บกเกิดปัญหาอุปทานล้นตลาด โดยราคาเนื้อไก่ปรับตัวลดลง 28% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาเนื้อสุกรก็ปรับตัวลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาเนื้อสัตว์บกที่ปรับตัวลงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเบทาโกรลดลงเป็น 9.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 จาก 14.3% ในปี 2554 EBITDA ของบริษัทลดลงเป็น 1,468 ล้านบาทหรือลดลง 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 57.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 จาก 50.9% ณ สิ้นปี 2554 อัตราส่วนดังกล่าวลดลงเพราะความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นและการขยายการลงทุนตามแผนของบริษัท

ประเทศผู้นำเข้าไก่สดแช่แข็งหลายประเทศซึ่งรวมถึงกลุ่มประเทศประชาคมยุโรปและประเทศฟิลิปปินส์ได้ทยอยยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทยตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 หากประเทศผู้นำเข้าอื่น ๆ เช่น ประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นทยอยยกเลิกการห้ามนำเข้าด้วยก็จะช่วยให้ปัญหาอุปทานเนื้อไก่ล้นตลาดคลี่คลายลงโดยลำดับซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ราคาเนื้อไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ราคาธัญพืชสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นต้นทุนหลักกว่า 30% ของต้นทุนการผลิตรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นมากและจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเบทาโกรในระยะสั้น ดังนั้นจึงคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงอ่อนตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นโดยลำดับในปี 2556 เมื่อสถานการณ์อุปทานไก่ล้นตลาดเริ่มคลี่คลาย

บริษัทเบทาโกรมีแผนลงทุนประมาณปีละ 2,500-3,000 ล้านบาทในช่วงปี 2555-2557 เพื่อขยายกำลังการผลิตทั้งในธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป รวมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท และบริษัทมีแผนจะใช้เงินกู้ในการขยายการลงทุนทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ที่ระดับปานกลางในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTG14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	คงเดิมที่ A
BTG16NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	คงเดิมที่ A
BTG18NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	คงเดิมที่ A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                             Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ