ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย”ที่ระดับ "BBB" และ "BBB-" ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday November 2, 2012 09:31 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement — PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer — SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์จาก บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) (DA) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากรายการระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องกันในกลุ่ม รวมถึงการปรับโครงสร้างกิจการโดยการซื้อทรัพย์สินของกิจการภายในกลุ่ม ความต้องการใช้เงินจำนวนมากเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ และการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังมีข้อจำกัดจากสถานะอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB” ของ DA ด้วย โดย DA และผู้ถือหุ้น มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทรวมกันคิดเป็น 36.2% ณ เดือนกรกฎาคม 2555 ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังคาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากการลงทุนใหม่ทยอยให้ผลตอบแทนตามลำดับ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหมายว่าการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มจะแล้วเสร็จโดยเร็ว ในขณะที่การโอนย้ายทรัพย์สินและรายการระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องกันควรจะลดลงเหลือเฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจปกติเท่านั้น

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา DA และบริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มเพื่อผลักดันให้บริษัทเป็นหลักในธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม DA บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้าจำนวน 6 โรงจากกลุ่ม DA ในราคารวม 4,378 ล้านบาทซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 6 โรงเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวล ปัจจุบันบริษัทจึงเป็นเจ้าของและดำเนินการโรงไฟฟ้าถ่านหินและชีวมวลรวมจำนวน 8 โรง ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 493 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 880 ตันภายใต้โครงการ SPP โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว บริษัทยังลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและธุรกิจอื่นด้วย โดยบริษัทได้ลงทุนใน บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ เอทานอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังด้วยกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน บริษัท เอ็นพีเอส โอเชี่ยน สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเรือขนส่งถ่านหินทางทะเลขนาด 52,000 ตัน และ บริษัท อินเตอร์ สตีวีโดริ่ง 5 จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่งถ่านหิน นอกจากนี้ ยังได้ขยายการลงทุนไปสู่การจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม 304 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าว และธุรกิจให้บริการทำวิจัยและพัฒนาการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ บริษัทยังได้ลงทุนซื้อสิทธิในการทำเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียมูลค่า 396 ล้านบาทด้วย ในปี 2554 ธุรกิจไฟฟ้ายังเป็นแหล่งรายได้และแหล่งกำไรหลักของบริษัท โดยประมาณ 90% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มาจากธุรกิจไฟฟ้า ในขณะที่ 5% มาจากธุรกิจการจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม และอีก 5% มาจากธุรกิจการให้บริการทำวิจัย

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายมีสัญญา PPA อายุ 25 ปีกับ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 62% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท บริษัทจำหน่ายกำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำส่วนที่เหลือให้แก่กลุ่ม DA ภายใต้สัญญาระยะยาวและจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและชีวมวล แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจะสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลก็ต้องการการบำรุงรักษามากและมีความเสี่ยงจากการสึกหรอของเครื่องจักรอุปกรณ์ในอัตราที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีการปิดโรงไฟฟ้าใหญ่หนึ่งหน่วยเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่นาน 1.5 เดือนในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ กฟผ. ช่วยลดผลกระทบจากปริมาณไฟฟ้าที่ลดลง รายได้รวมของบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจึงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5,397 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 24.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 จาก 23.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นผลจากราคาขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. และราคาไอน้ำที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงส่วนใหญ่โดยเฉพาะถ่านหินนั้นค่อนข้างทรงตัว แม้ว่าอัตรากำไรจะดีขึ้น แต่ EBITDA ของบริษัทยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1,287 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เนื่องจากมีผลขาดทุนตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 56 ล้านบาทจากบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท คันนา จำกัด อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.8 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2555

คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจะปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลางเนื่องจากต้นทุนถ่านหินซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 35%-40% ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ในระดับที่ต่ำ นอกจากนี้ การปรับค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่า Ft (Fuel Transfer) ในอัตรา 0.48 บาทต่อหน่วยจะมีผลเต็มที่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 และอาจต่อเนื่องถึงปี 2556 อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของบริษัทมีความเสี่ยงจากโครงการเอทานอลซึ่งจะเริ่มการผลิตระยะแรกได้ภายในสิ้นปี 2555 ปัจจุบันอุตสาหกรรมเอทานอลประสบปัญหาอุปทานส่วนเกิน ในขณะที่ราคาวัตถุดิบมันสำปะหลังปรับตัวขึ้นเนื่องจากถูกแทรกแซงจากนโยบายรับจำนำและรับซื้อสินค้าเกษตรของรัฐบาลในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด การแทรกแซงราคาดังกล่าวส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังลดลงไปอีกเมื่อเทียบกับเอทานอลที่ผลิตจากกากน้ำตาล

อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงต่อไปอีก 2-3 ปี บริษัทมีแผนการลงทุนรวมมูลค่า 35,000 ล้านบาทที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้าซึ่งเป็นงบลงทุนทั้งสำหรับการบำรุงรักษาและการขยายธุรกิจ โดยแผนการลงทุนประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ หรือ IPP (Independent Power Producer) ซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 1 แห่ง โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 2 แห่ง และโรงงานเอทานอล นอกจากนี้ ยังรวมถึงการขยายกำลังการผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน และการพัฒนาเหมืองถ่านหินด้วย ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า SPP จะเปิดดำเนินการในปี 2557-2558 ส่วนโรงไฟฟ้า IPP อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดยคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2559-2560 การก่อสร้างโรงไฟฟ้า IPP ล่าช้ากว่าแผนเดิม 4 ปีซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการบังคับใช้กฏระเบียบใหม่ในช่วงแรกของโครงการ

ทริสเรทติ้งมีความกังวลต่อรายการระหว่างบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของบริษัทได้ให้เงินกู้ยืมจำนวน 1,718 ล้านบาทแก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง 3 แห่งในอัตราดอกเบี้ย 7.2% ต่อปี และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย ไอพีพี จำกัด (NPSIPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้ทำสัญญาซื้อที่ดินกับบริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 2,020 ไร่ มูลค่า 2,568 ล้านบาท ที่ดินแปลงดังกล่าวจะใช้สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้า IPP โดย NPSIPP ได้ชำระเงินมัดจำจำนวน 2,422 ล้านบาทสำหรับการซื้อที่ดินแปลงนี้ ราคาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวสูงกว่าราคาที่ดินที่ผู้ประเมินราคาอิสระได้ประเมินไว้ที่ 1,041 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สัญญาซื้อที่ดินดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าบริษัทสามารถปรับเปลี่ยนปริมาณพื้นที่ของที่ดินที่จะซื้อและราคาซื้อขายสุดท้ายจะอ้างอิงจากราคาประเมินล่าสุดซึ่งจะมีการสรุปหลังจากที่ NPSIPP ได้รับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องและได้ลงนามในสัญญา PPA แล้ว นอกจากนี้ NPSIPP ยังได้ซื้อที่ดินจำนวน 807 ไร่จากบริษัทที่เกี่ยวข้องแห่งหนึ่งในราคา 1,077 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำรองสำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้า IPP อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินราคาอิสระได้ประเมินราคาที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ที่ 41 ล้านบาท โดยผลต่างของราคาซื้อขายตามสัญญากับมูลค่ายุติธรรมของที่ดินได้ถูกบันทึกไว้เป็นส่วนหักในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร:	                             คงเดิมที่ BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	คงเดิมที่ BBB-
NPS156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	คงเดิมที่ BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                            Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ