ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส” ที่ “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday November 8, 2012 13:11 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารของบริษัทที่มีประสบการณ์ในธุรกิจรถเช่า ความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และการจัดการความเสี่ยงจากการขายซากรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งปรากฏเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่าที่มีอย่างต่อเนื่อง ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงสภาพคล่องทางการเงินซึ่งสนับสนุนโดยกระแสเงินสดของบริษัทที่มีความแน่นอนจากการมีรายได้จากสัญญาเช่าที่ส่วนใหญ่เป็นสัญญาเช่าระยะยาวด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้ารายใหญ่แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการกระจายตัวที่ดีขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ การขาดแคลนรถยนต์สำหรับส่งมอบจากปัญหาการผลิตที่ชะลอตัวจากเหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 เป็นปัจจัยที่ทำให้การขยายฐานรถยนต์ให้เช่าของบริษัทต้องล่าช้าออกไป ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของบริษัทอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถดำรงสถานะทางการตลาดได้ต่อไปด้วยการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง และคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรโดยการควบคุมต้นทุนและมีกำไรที่ต่อเนื่องจากการขายสินทรัพย์ให้เช่า

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีสให้บริการรถยนต์เช่าดำเนินงานทั้งแบบระยะยาวและระยะสั้น เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิ บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่อันดับ 3 จากจำนวนผู้ให้บริการ 30 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง หลังจากการปรับโครงสร้างเงินทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปลายปี 2548 สินทรัพย์ให้เช่าสุทธิของบริษัทก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จาก 1,283 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 2,977 ล้านบาทในปี 2552 สินทรัพย์ให้เช่าสุทธิของบริษัทอยู่ในระดับประมาณ 3,000 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2552 และ ณ สิ้นปี 2554 ก็อยู่ที่ระดับ 2,917 ล้านบาท บริษัทมีรายได้จากการให้เช่ารถยนต์แบบระยะยาวคิดเป็นอัตราส่วน 95% ของรายได้ค่าเช่ารวมและคิดเป็น 54% ของรายได้รวม ณ สิ้นปี 2554 บริษัทมีรถยนต์ให้เช่า 6,407 คัน ลดลงจาก 6,568 คันในปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดแคลนรถยนต์ส่งมอบจากการชะลอการผลิตซึ่งเกิดจากผลกระทบของอุทกภัย จำนวน 92% ของรถยนต์ของบริษัทให้บริการภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว และส่วนที่เหลือเป็นรถให้เช่าระยะสั้นและรถทดแทน

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ความสามารถในการหาลูกค้าใหม่และการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันเป็นสิ่งท้าทายสำหรับบริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีสในช่วงที่คู่แข่งดำเนินกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้บริการรถเช่าที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุนความพยายามในการรักษาฐานธุรกิจของบริษัทเนื่องจากหน่วยงานต่าง ๆ เริ่มตระหนักถึงประโยชน์จากการใช้บริการรถเช่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2553 ยังเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายขนาดสินทรัพย์ให้เช่าได้ด้วย อย่างไรก็ตาม วิกฤติอุทกภัยเมื่อปลายปีก่อนทำให้แผนการขยายธุรกิจของบริษัทต้องชะลอตัวลง บริษัทสามารถควบคุมผลกระทบจากน้ำท่วมที่มีต่อธุรกิจได้ค่อนข้างดี โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยมีรถยนต์เพียง 0.8% ของรถที่ให้บริการทั้งหมดที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ณ สิ้นปี 2554 อัตราส่วนของลูกหนี้เช่าดำเนินงานที่ค้างชำระมากกว่า 3 เดือนต่อลูกหนี้เช่าดำเนินงานทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 3.4% เป็น 5.6% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งจ่ายชำระหนี้ล่าช้า ประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาในเรื่องกระบวนการในการจ่ายชำระซึ่งไม่ได้เป็นผลมาจากปัญหาคุณภาพของลูกหนี้ ปัจจุบันลูกหนี้รายดังกล่าวจ่ายชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว

บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีสมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการได้รับความร่วมมือทางธุรกิจจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง บริษัทจัดซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ให้เช่าในสัดส่วนมากกว่า 60% ของรถยนต์ที่จัดซื้อทั้งปีผ่านตัวแทนจำหน่ายซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่คือตระกูลจันทรเสรีกุลเป็นเจ้าของ การจัดซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายของผู้ถือหุ้นใหญ่ทำให้บริษัทได้ประโยชน์ด้านข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษจากผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งช่วยให้บริษัทจัดซื้อรถยนต์ให้เช่าในราคาที่ต่ำกว่า และนอกจากการมีศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 750 แห่งซึ่งบริษัททำสัญญาทางธุรกิจด้วยแล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของศูนย์บริการของตนเองซึ่งทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการบำรุงรักษาที่ไม่จำเป็นอันอาจเกิดจากศูนย์บริการภายนอกด้วย บริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์ให้เช่าซึ่งหมดสัญญาเช่ากับลูกค้าแล้วผ่านทางบริษัทลูกคือ บริษัท กรุงไทย ออโตโมบิล จำกัด ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารของบริษัทกรุงไทย ออโตโมบิลและการได้รับการรับรองคุณภาพรถยนต์ใช้แล้วภายใต้โครงการ “โตโยต้าชัวร์” ช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ให้เช่าที่หมดอายุสัญญาในราคาที่สูงกว่าการจำหน่ายผ่านตัวแทนรับประมูลทั่วไป ทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายรถยนต์ที่หมดสัญญาเช่าอย่างต่อเนื่อง

บริษัทกรุงไทย ออโตโมบิลได้เปิดสาขาที่ 2 ที่ถนนศรีนครินทร์เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2554 โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าถึงและขยายฐานลูกค้าในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม บริษัทกรุงไทย ออโตโมบิลจำเป็นต้องปิดสำนักงานใหญ่ที่ถนนกาญจนาภิเษกเป็นเวลา 2 เดือนครึ่งจากเหตุอุทกภัย เป็นผลทำให้ยอดขายรถยนต์มือสองลดลงจาก 385 ล้านบาทในปี 2553 เหลือ 378 ล้านบาทในปี 2554 บริษัทกรุงไทย ออโตโมบิลมีแผนการจะเปิดสาขาที่ 3 ที่ถนนพหลโยธินในช่วงเดือนธันวาคม 2555 เพื่อขยายฐานลูกค้าทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร ซึ่งสาขาใหม่จะเน้นขายรถยนต์ขนาดกลางและรถยนต์ที่มีราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้ สัดส่วนกำไรจากธุรกิจการขายรถยนต์มือสองจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเมื่อทั้ง 3 สาขาสร้างรายได้เต็มปีในปี 2556

กำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้เช่ารถยนต์ลดลงจาก 26.7% ในปี 2549 เป็น 16.5% ในปี 2553 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงผนวกกับผลกระทบจากนโยบายค่าเสื่อมราคาแบบอนุรักษ์นิยมในช่วงการขยายธุรกิจในปี 2549-2553 บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีสมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 19.1% ในปี 2554 แต่ลดลงเป็น 18.5% สำหรับครึ่งแรกของปี 2555 นโยบายค่าเสื่อมราคาแบบอนุรักษ์นิยมจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเมื่อมีการจำหน่ายสินทรัพย์ให้เช่าที่หมดอายุสัญญาแล้ว โดยจะสะท้อนในกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่า ทั้งนี้ การควบคุมต้นทุนการดำเนินงานและกำไรที่ได้รับเพิ่มจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มือสองยังช่วยเสริมความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วย

บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีสได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 2 รายการ คือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 25% จาก 30% และการนำค่าใช้จ่าย 25% จากการซื้อสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมาหักก่อนคำนวณภาษีได้ 5 รอบบัญชี ซึ่งสิทธิประโยชน์ทั้ง 2 ประการนี้สามารถใช้ได้ในระหว่างปี 2549-2553 ดังนั้น ในปี 2554 บริษัทจึงต้องเสียภาษีเต็มจำนวน ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 325 ล้านบาท ลดลง 6.1% จาก 346 ล้านบาทในปี 2553 ในครึ่งแรกของปี 2555 กำไรได้ปรับตัวดีขึ้นเป็น 213 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 23.1% จาก 173 ล้านบาทสำหรับครึ่งแรกของปี 2554 อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อรายได้รวมลดลงเป็น 17.0% ในปี 2554 จาก 18.6% ในปี 2553 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 19.8% สำหรับครึ่งแรกของปี 2555 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับลดลงเป็น 9.0% ในปี 2554 จาก 9.7% ในปี 2553 อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.6% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2555 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บริษัทมีฐานะสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับปานกลาง โดยมีสภาพคล่องที่เพียงพอที่ได้รับจากค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ลักษณะของสินทรัพย์ให้เช่าซึ่งมีสภาพคล่องสูงในการจำหน่ายจะช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องให้แก่บริษัทได้บางส่วน ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (KCAR)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html





เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ