บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” โดย
แนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมถ่านหินในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจน
ความหลากหลายของแหล่งถ่านหินและฐานลูกค้า รวมถึงรายได้เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้า การจัดอันดับเครดิตยังคำนึงถึงฐานะการเงินที่มั่น
คงของบริษัท ความสามารถของบริษัทในการปรับลดเงินลงทุนและลดต้นทุนในการดำเนินงานในภาวะที่อุตสาหกรรมถ่านหินชะลอตัว ทั้งนี้ การปรับ
ลดลงของราคาถ่านหิน แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจถ่านหินในประเทศ
อินโดนีเซียและออสเตรเลีย ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการ
คาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทบ้านปูจะยังคงรักษาสถานะทางการเงินและสภาพคล่องทางการเงินที่ดีไว้ได้ แผนการลดต้นทุนและความยืดหยุ่นใน
การปรับลดแผนลงทุนจะช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวในภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมถ่านหินไว้ได้ ทั้งนี้ เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้าจะ
ช่วยบรรเทาผลกระทบบางส่วนที่เกิดจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจถ่านหินที่มีความท้าทายมากขึ้น
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบ้านปูเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานรายใหญ่ในเอเชียซึ่งก่อตั้งในปี 2526 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิต
ถ่านหินในประเทศไทย บริษัทขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีแหล่งถ่านหินอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จีน และมองโกเลีย ธุรกิจ
ถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียยังคงเป็นแหล่งสร้างกำไรหลักของบริษัท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 กำไรจากธุรกิจในประเทศ
อินโดนีเซียมีสัดส่วน 66% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) กำไรจากธุรกิจถ่านหินในประเทศ
ออสเตรเลียคิดเป็น 23% ของ EBITDA ในขณะที่กำไรจากธุรกิจในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 9% ของ EBITDA และกำไรจากประเทศจีนคิด
เป็นสัดส่วนเพียง 2% ของ EBITDA เมื่อพิจารณาในด้านประเภทธุรกิจแล้ว กำไรจากธุรกิจถ่านหินในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2555 คิดเป็นสัดส่วน
91% ของ EBITDA ในขณะที่กำไรส่วนที่เหลือในสัดส่วน 9% มาจากธุรกิจไฟฟ้า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ปริมาณการผลิตถ่านหินของกลุ่มบ้านปู (ไม่รวมประเทศจีน) คิดเป็นจำนวน
31.1 ล้านตัน โดยประกอบด้วยถ่านหินที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย 19.5 ล้านตันและในประเทศออสเตรเลีย 11.6 ล้านตัน ณ เดือนกันยายน
2555 ปริมาณสำรองถ่านหินของบริษัทในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียมีจำนวนรวม 803 ล้านตัน ในขณะที่ปริมาณสำรองถ่านหินคิดตามสัด
ส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 581 ล้านตัน ปริมาณสำรองดังกล่าวเทียบเท่ากับปริมาณการผลิตราว 19 ปี
ราคาถ่านหินในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงเป็นลำดับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 เนื่องจากปัญหาอุปทานถ่านหินส่วนเกินซึ่งสืบเนื่องมา
จากการเพิ่มปริมาณการผลิตของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่หลังจากราคาถ่านหินอยู่ในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าใน
ประเทศสหรัฐอเมริกาบางรายได้เปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินมาเป็นเชลล์แก๊สเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ต่ำกว่าปกติในประเทศสหรัฐ
อเมริกา การเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวทำให้สหรัฐอเมริกาส่งออกถ่านหินเพิ่มขึ้น ดัชนี Barlow Jonker Index ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับ
การซื้อขายถ่านหินปัจจุบันในเอเชียได้ปรับตัวลดลงจาก 123 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในเดือนกันยายน 2554 เป็น 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันใน
เดือนพฤศจิกายน 2555 ธุรกิจถ่านหินของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 จึงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากราคาถ่านหินที่อ่อนตัวลงและต้นทุนการ
ผลิตที่สูงขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 40.7% จาก 44.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีราคาถ่านหินปรับตัวลดลง 19.1% ในช่วง
เวลาเดียวกัน
หลังจากบริษัทบ้านปูได้หันมาเน้นการลดต้นทุนในเหมืองที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ
ถ่านหินสามารถทรงตัวอยู่ได้ในระดับ 39.1% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ใกล้เคียงกับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 แม้ว่า
ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทจะลดลงเป็น 79.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน หรือลดลง 11.7% เมื่อเทียบกับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 ของ
ปี 2555 ที่ผ่านมาก็ตาม
ธุรกิจไฟฟ้าซึ่งให้ผลกำไรในสัดส่วน 9% ของ EBITDA รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เป็นไปอย่างราบรื่น ในประเทศไทย
บริษัทบ้านปูถือหุ้น 50% ในบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP Power Ltd. -- BLCP) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด
1,434 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer — IPP) BLCP นำส่งกำไรตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน
2,092 ล้านบาทแก่บริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ธุรกิจผลิตไฟฟ้าโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในประเทศจีนให้ผลกำไร EBITDA
จำนวน 26.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 37.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผล
การดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากราคาถ่านหินที่ลดลง
แม้ว่าบริษัทบ้านปูเผชิญกับราคาถ่านหินที่อ่อนตัวลง EBITDA ของบริษัทยังทรงตัวในระดับ 23,793 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี
2555 เนื่องมาจากบริษัทได้มีการทำสัญญาขายถ่านหินระยะยาวในช่วงที่ราคายังอยู่ในระดับสูง ปริมาณขายถ่านหินที่สูงขึ้น กำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ
ไฟฟ้า และกำไรจากสัญญาอนุพันธ์ถ่านหินและดอกเบี้ย อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย
(EBITDA Interest Coverage Ratio) ลดลงเป็น 9.2 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 จาก 10.5 เท่าในปี 2554
โครงสร้างเงินทุนของบริษัทบ้านปูนับว่าแข็งแรง หลังจากอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างทุนปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 51.6% ในเดือน
ธันวาคม 2553 อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 42.4% ในปี 2554 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น
44.7% ในเดือนกันยายน 2555 เพื่อดูแลรักษาสภาพคล่องทางการเงินบริษัทได้ประกาศลดงบประมาณสำหรับการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าลงใน
อัตรา 30% จากงบลงทุนเดิม โดยงบลงทุนในช่วงปี 2555-2558 ได้ปรับลดลงเหลือ 1,248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 1,750 ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ บริษัทได้ปรับแผนการลงทุนสำหรับการพัฒนาและการขยายกำลังการผลิต นอกจากนี้ บริษัทได้ทำแผนลดต้นทุน รวมถึงการลดอัตรา
Stripping Ratio ที่เหมืองอินโดนีเซีย แผนการลดต้นทุนดังกล่าวน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานไม่ให้ลดลงมาก
ในภาวะที่ราคาถ่านหินอ่อนแอ หากสมมติฐานว่าราคาถ่านหินยังคงอ่อนแอคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ระดับ 850-1,000 ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ ต่อปี ขณะที่บริษัทมีกำหนดการชำระหนี้คืนปีละ 350-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า กระแสเงินสดจากการดำเนินงานยัง
เพียงพอต่อแผนการลงทุน การจ่ายปันผลและการชำระหนี้ตามกำหนด อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างเงินทุนจะยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และต่ำ
กว่านโยบายโครงสร้างเงินทุนของบริษัท
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้บริษัทบ้านปูชำระค่าเสียหายให้กับโจทก์คือ นายศิวะ งานทวีและผู้เกี่ยวข้อง สำหรับความ
เสียหายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองหงสาในประเทศลาว หากบริษัทต้องชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษา
มูลค่าเงินชดเชยความเสียหายรวมเป็น 33,240 ล้านบาท บริษัทไม่เห็นด้วยต่อคำพิพากษาของศาลแพ่งและอยู่ระหว่างใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาล
อุทธรณ์ เนื่องจากคำพิพากษายังไม่ถึงที่สุด และยังต้องผ่านการพิจารณาของศาลอุทธรณ์และอาจรวมถึงศาลฏีกา บริษัทจึงยังไม่ต้องชำระค่าเสียหาย
ในขณะนี้ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BP145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ AA-
BP15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ AA-
BP165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ AA-
BANPU184A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 คงเดิมที่ AA-
BANPU195A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ AA-
BANPU214A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 คงเดิมที่ AA-
BANPU225A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 คงเดิมที่ AA-
BANPU234A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 คงเดิมที่ AA-
BANPU264A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 คงเดิมที่ AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภาย
หลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วย
วิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียง
ความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดราย
หนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัด
อันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือ
ความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่
เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html