ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. โออิชิ กรุ๊ป” ที่ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday December 4, 2012 13:02 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตลอดจนการมีตราสัญลักษณ์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดี และโอกาสทางการเติบโตของบริษัท ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการสนับสนุนที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางและมีโรงงานผลิตขนาดใหญ่ด้วย จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง การมีสินค้าทดแทนได้ง่าย อัตราการทำกำไรที่อ่อนตัวลง และแนวโน้มที่บริษัทจะลงทุนโดยใช้เงินทุนจากเงินกู้ในอนาคต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทโออิชิ กรุ๊ปจะยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งของตราสินค้าและสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทั้งในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเอาไว้ได้ต่อไป นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าในกรณีที่มีแผนการลงทุนในอนาคต บริษัทจะใช้เงินทุนจากการดำเนินงานบางส่วนในการลงทุนเพื่อคงระดับโครงสร้างเงินทุนให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโออิชิ กรุ๊ปแข่งขันในธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ ธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และธุรกิจอาหาร โดยใช้ตราสินค้าหลักคือ “โออิชิ” (Oishi) และเน้นเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น บริษัทมีโรงงานหลัก 2 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมนวนครและอมตะนคร ด้วยกำลังการผลิตเครื่องดื่มรวม ณ เดือนกันยายน 2555 ที่ 360 ล้านลิตรต่อปี โดยที่โรงงานนวนครยังเป็นครัวกลางสำหรับธุรกิจอาหารด้วย ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 โรงงานและสิ่งอำนวยความสะดวกของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมนวนครได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ เพื่อบรรเทาการขาดแคลนสินค้าจากผลกระทบที่เกิดจากน้ำท่วม บริษัทจึงได้จัดจ้างบริษัทภายนอกทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศซึ่งรวมถึงบริษัทไทยเบฟเวอเรจให้ทำการผลิตเครื่องดื่มจัดส่งให้แก่บริษัท ส่วนธุรกิจอาหารนั้น บริษัทได้ย้ายครัวกลางไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และได้จัดจ้างบริษัทภายนอกผลิตเส้นบะหมี่ นอกจากนี้ ยังได้ย้ายงานด้านการปรุงส่วนประกอบอาหารบางประเภทไปที่สาขาร้านอาหารโดยตรงด้วย ปัจจุบัน การดำเนินงานในนวนครได้กลับคืนสู่ภาวะปกติ บริษัทวางแผนจะสร้างโรงงานใหม่อีก 2 แห่ง โดยแห่งแรกใช้เป็นครัวกลางที่จังหวัดชลบุรี และอีกแห่งที่จังหวัดสระบุรีจะใช้เป็นฐานการผลิตเครื่องดื่มโดยใช้เทคโนโลยีการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ (Cold Aseptic Filling -- CAF)

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่าโรงงานในนวนครจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ยอดขายของบริษัทโออิชิ กรุ๊ปในปี 2554 ยังเติบโตถึง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ 9,501 ล้านบาท และเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 13% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการจัดการห่วงโซ่อุปทานและการบริหารช่องทางกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วม นอกจากนี้ การเติบโตยังมาจากการขยายจำนวนสาขาร้านอาหาร การส่งเสริมการขาย และกิจกรรมทางการตลาดด้วยเช่นกัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเครื่องดื่มสร้างรายได้ประมาณ 54%-58% ของรายได้รวมของบริษัท ในขณะที่ธุรกิจอาหารสร้างรายได้ในส่วนที่เหลือ

บริษัทโออิชิ กรุ๊ปเป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มภายในประเทศภายใต้ตราสินค้าชาเขียว “โออิชิ” บริษัทยังจำหน่ายชาเขียวผสมโซดา เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งกาแฟพร้อมดื่มด้วย โดยชาเขียวเป็นสินค้าหลักของบริษัทที่สร้างรายได้มากกว่า 90% ของยอดขายเครื่องดื่ม ชาเขียว “โออิชิ” มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 50% ในตลาดชาพร้อมดื่ม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลงเนื่องจากมีตราสินค้าของคู่แข่งเข้ามาแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้นและยังเป็นผลมาจากการส่งเสริมการขายเชิงรุกของคู่แข่งด้วย บริษัทตอบโต้ด้วยการนำเสนอสินค้าในบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ๆ และนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ครบทุกระดับราคาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มตลาด และเมื่อไม่นานมานี้บริษัทยังได้ออกผลิตภัณฑ์ชาเขียว “โออิชิ” ในขวดแก้วแบบคืนขวดเพื่อหาโอกาสทางการตลาดในร้านอาหารท้องถิ่นด้วย สำหรับธุรกิจอาหารนั้น บริษัทดำเนินธุรกิจเครือข่ายภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น อาหารแช่แข็งและแช่เย็น ตลอดจนธุรกิจบริการจัดส่งอาหารและจัดเลี้ยง กลยุทธ์หลักของบริษัทคือเน้นการขยายจำนวนสาขาให้ครอบคลุมตลาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของประเภทอาหาร ช่วงกลางปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทได้นำเสนอสินค้าสาหร่ายทอดกรอบสไตล์ญี่ปุ่น “Onori” และเปิดร้านอาหารใหม่ชื่อ “Kakashi” ซึ่งเสนอเมนูข้าวราดหน้าสไตล์ญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 บริษัทมีเครือข่ายภัตตาคารรวม 148 สาขา ทั้งนี้ เครือข่ายภัตตาคารสร้างรายได้กว่า 95% สำหรับธุรกิจอาหารของบริษัท

บริษัทโออิชิ กรุ๊ปได้รับการสนับสนุนในหลาย ๆ ด้านจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งรวมถึงคณะผู้บริหารที่แต่งตั้งเข้ามา เมื่อรวมกับเครือข่ายของ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) แล้ว ถือว่าบริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นผู้จัดจำหน่ายที่ครอบคลุมตลาดกว้างขวางที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เครือข่ายขนาดใหญ่ดังกล่าวสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทโออิชิ กรุ๊ปได้ครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทาง และยังขยายไปยังกลุ่มตลาดใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังเกิดประโยชน์ในการผสานพลังกันในด้านการผลิตด้วย โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่ของบริษัทไทยเบฟเวอเรจช่วยเสริมการผลิตในช่วงขาดแคลนสินค้าของบริษัท ตลอดจนยังสนับสนุนการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ด้วยต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจยังทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองในด้านต่าง ๆ กับคู่ค้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทโออิชิ กรุ๊ปเกิดจากยอดขายที่เติบโตและสภาพคล่องที่เพียงพอ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทอยู่ที่ระดับ 15%-16% ระหว่างปี 2551 ถึงปี 2553 อัตรากำไรลดลงมาอยู่ที่ 13.6% ในปี 2554 และ 11.2% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้จากการขายของบริษัทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 24.4% จาก 22.4% ในปี 2554 เพราะบริษัทเพิ่มค่าใช้จ่ายโฆษณาและการส่งเสริมการขายเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย และยังมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนจากการขนส่งสินค้าเนื่องจากบริษัทต้องบริหารครัวกลางถึง 2 แห่งพร้อมกัน คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะยังคงสูงต่อเนื่องต่อไปในระยะปานกลางจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม คาดว่าการที่บริษัทได้นำระบบการผลิตแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยี CAF จะสามารถช่วยลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ลงได้ นอกจากนี้ ระบบการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งเป็นคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้วย

แม้ว่าผลประกอบการด้านยอดขายจะเติบโต แต่ผลกระทบจากน้ำท่วมและการแข่งขันที่รุนแรงก็ลดทอนเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทลงไป บริษัทโออิชิ กรุ๊ปสร้างเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1,304 ล้านบาทในปี 2554 เปรียบเทียบกับ 1,454 ล้านบาทในปี 2553 และอยู่ที่ระดับ 884 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ระดับความสามารถในการชำระหนี้จึงอ่อนตัวลงจากระดับที่สูงผิดปกติในอดีต แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 50.1% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 32.9 เท่า ระดับหนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจาก 600 ล้านบาทในปี 2553 มาอยู่ที่ 1,766 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาร้านอาหารและเป็นเงินลงทุนในสายการผลิตเครื่องดื่มสายใหม่เป็นหลัก เป็นผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 18.3% ในปี 2553 เป็น 28.9% ในปี 2554 และ 36.6% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 คาดว่าในช่วงระยะปานกลาง ระดับภาระหนี้สินจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 2,400-2,700 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2558 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทใช้เงินทุนจากการดำเนินงานบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน และคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะคงระดับไม่ให้เกิน 50% ต่อไปในอนาคต

โอกาสการเติบโตสำหรับธุรกิจอาหารและธุรกิจเครื่องดื่มยังคงดีอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพ คาดว่าตลาดของธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในระยะปานกลาง อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดทั้ง 2 ประเภทนี้ถือว่ามีความรุนแรงเนื่องจากมีผู้แข่งขันจำนวนมากและมีสินค้าทดแทนได้ง่าย โดยมีการนำกิจกรรมทางการตลาดและส่งเสริมการขายมาใช้กระตุ้นความต้องการอยู่เสมอ ในระยะหลัง การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายในหลาย ๆ ด้านเนื่องจากบริษัทโออิชิ กรุ๊ปมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายที่ทำกำไร ตลอดจนพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ และรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มเอาไว้ให้ได้ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (OISHI)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ