ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาท “บ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday January 10, 2013 13:01 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาทของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะนำไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะยาวจากธนาคารพาณิชย์ และใช้ในการขยายงานของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตที่ได้รับสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในกลุ่มคนไข้รายได้ระดับปานกลางถึงระดับต่ำกว่า ตลอดจนฐานรายได้ที่หลากหลาย คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจการรักษาพยาบาล ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพภาครัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับปานกลางและลูกค้าโครงการสุขภาพภาครัฐเอาไว้ได้ รวมทั้งสามารถดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลใหม่คือ “The World Medical Center” (WMC) ได้อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ควรดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังสำหรับการลงทุนในอนาคตด้วย ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทถือว่ามีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการเปิดดำเนินการโรงพยาบาลแห่งใหม่และการลงทุนในอนาคตได้พอสมควร

บริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอลเป็นเจ้าของและบริหารกิจการโรงพยาบาลจำนวน 6 แห่งภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์” โดย 4 แห่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ในจังหวัดเชียงรายและสระบุรี หลังจากตัดสินใจออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2553 บริษัทมีรายได้จากลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนไข้เงินสดและกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม โดยในปี 2554 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดอยู่ที่ 70% และกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม 30% บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐ โดยในระยะกว่า 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ 9%-11% การมีฐานจำนวนผู้ประกันตนจำนวนมากช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบจากการประหยัดต่อขนาด ในขณะที่ลักษณะของธุรกิจที่มีรายได้จากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายช่วยเสริมความมั่นคงให้แก่ผลประกอบการ นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากการมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และยังช่วยคงระดับการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีต้นทุนสูงไม่ให้ต่ำเกินไปด้วย ความพยายามของบริษัทในการควบคุมค่าใช้จ่ายบังเกิดผลที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โดยเห็นได้จากอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างสูงและสม่ำเสมอในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

เมื่อเดือนมกราคม 2555 มีการปรับเปลี่ยนวิธีการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยในของระบบประกันสังคม โดยการเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับโรคที่มีความซับซ้อนจะอิงกับอัตราความรุนแรงของโรค ซึ่งวิธีการเบิกจ่ายดังกล่าวส่งผลดีต่อบริษัทในแง่ของรายได้ค่ารักษาที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโอกาสที่จะได้รับคนไข้ส่งต่อที่เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบประกันสุขภาพของไทยยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาและมีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีกต่อไปในอนาคตอันใกล้ บริษัทจึงมีความเสี่ยงสูงที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงการประกันสุขภาพ กระนั้น ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าผู้บริหารของบริษัทสามารถที่จะปรับเปลี่ยนธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐเพื่อที่จะรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้

บริษัทเลื่อนการเปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 7 ภายใต้แบรนด์ WMC ออกไปเป็นไตรมาสแรกของปี 2556 จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดในกลางปี 2555 ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาอุทกภัยใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้า WMC เน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงในพื้นที่แจ้งวัฒนะซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการขยายตัวรวดเร็ว โดยจะเปิดให้บริการ 150 เตียงในปีแรก ก่อนที่จะทยอยเปิดเพิ่มจนเต็มจำนวน 320 เตียงภายในปี 2559 อย่างไรก็ตาม บริษัทเผชิญกับความท้าทายในการขยายไปสู่ตลาดลูกค้ารายได้สูง ทั้งนี้ สถานะของบริษัทในตลาดลูกค้ารายได้สูงถือว่ายังไม่มีศักยภาพเท่าเทียมกับธุรกิจในปัจจุบันเนื่องจากบริษัทยังมีข้อจำกัดในด้านผลงานและชื่อเสียงที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมาย

บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและดีกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมแม้จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 โดยโรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแคและเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ถูกน้ำท่วมนานถึง 1 และ 2 เดือนตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทมีสัญญาประกันคุ้มครองความเสียหายเฉพาะในส่วนของทรัพย์สินแต่ไม่มีสัญญาคุ้มครองความเสียหายจากธุรกิจที่ต้องหยุดชั่วคราว ผลกระทบจากน้ำท่วมรวมทั้งการออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าทำให้รายได้รวมของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ลดลง 10.7% เหลือ 3,903 ล้านบาทในปี 2554 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 กลุ่มลูกค้าเงินสดเติบโตขึ้นจนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนรูปแบบการเบิกจ่ายของระบบประกันสังคมด้วย ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เติบโตขึ้นเป็น 3,291 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากบริษัทออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอัตรากำไรต่ำ โดยกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 30% ในปี 2553 เป็น 32.3% ในปี 2554 และ 34.6% สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2555

บริษัทยังคงมีงบดุลที่แข็งแกร่งแม้จะมีอัตราส่วนเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 23.9% ในปี 2554 เป็น 32.7% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในโครงการ WMC ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้ของบริษัทยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคตจากการขยายการลงทุนที่เชียงรายและสุขาภิบาล 3 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความสามารถในการชำระหนี้ในระดับที่แข็งแกร่ง โดย ณ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมสูงถึง 45.24% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) อีกทั้งยังมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่สูงถึง 28.99 เท่า ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะยาวจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ดังนั้นอัตราส่วนเงินกู้ของบริษัทจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากระดับปัจจุบัน

การเปิดโรงพยาบาล WMC อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทในอนาคตข้างหน้าเนื่องจากบริษัทต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายในระยะแรกของการดำเนินการของโรงพยาบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทจะช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในระยะแรกของโรงพยาบาลใหม่ได้

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) (BCH)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ