ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร "บ. ดุสิตธานี" ที่ "BBB+/Stable"

ข่าวทั่วไป Thursday January 31, 2013 09:01 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทใน

ฐานะที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ของไทยและฐานะการเงินที่อยู่ในระดับดี นอกจากนี้ การจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงโรงแรมในเครือของบริษัทที่กระจายตัวอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

ๆ ตลอดจนการขยายโรงแรมไปในต่างประเทศ ศักยภาพในการขยายธุรกิจบริหารโรงแรม และการมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจาก

ธรรมชาติของธุรกิจโรงแรมที่มีความผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงผลประกอบการให้ดีขึ้นซึ่งเป็นประเด็นกังวลต่ออันดับเครดิตของ

บริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตและความหลากหลายของโรงแรมของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะดำเนินนโยบายทางการเงิน

อย่างระมัดระวังและเพื่อคงคุณภาพเครดิตและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงวงจรอุตสาหกรรมขาลง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์และความสามารถในการทำ

กำไรที่ต่ำของบริษัทยังเป็นประเด็นกังวลต่ออันดับเครดิต ทั้งนี้ บริษัทต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับปรุงอัตราการทำกำไรและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้เป็นที่ประจักษ์

บริษัทดุสิตธานีเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมชั้นนำของไทยซึ่งดำเนินงานและให้บริการบริหารโรงแรมภายใต้ชื่อดุสิตธานี ดุสิตปริ้นเซส ดุสิตดีทู ดุสิตเทวารัณย์ และดุสิตเรสซิเดนซ์ บริษัทก่อตั้งในเดือนกันยายน 2509 โดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย และในปี 2513 ได้เปิดดำเนินการโรงแรม 5 ดาวในชื่อ “ดุสิตธานี” ในกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรก การมีประวัติที่ยาวนานได้สร้างชื่อ เสียงที่มั่นคงและทำให้บริษัทสามารถขยายสู่ธุรกิจการให้บริการบริหารโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) และอียิปต์ นอกจากนี้ บริษัทยัง ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษาและการฝึกอบรมด้วย อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจดังกล่าวยังอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ

ในเดือนกันยายน 2555 บริษัทได้เปิดโรงแรมแห่งใหม่ในประเทศมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการ คือโรงแรมดุสิตธานีมัลดีฟส์ ซึ่งประกอบด้วยวิลล่า 100 หลังและส่วนสันทนาการต่าง ๆ ส่ง ผลให้ ณ เดือนกันยายน 2555 บริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารงานรวม 20 แห่ง โดยเป็นโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ 7 แห่ง (2,186 ห้อง) โรงแรมที่บริษัทให้บริการบริหารจัดการ 8 แห่ง (1,476 ห้อง รวมโรงแรม 3 แห่งของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี) และโรงแรมที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท 5 แห่ง (1,080 ห้อง)

นโยบายทางธุรกิจของบริษัทค่อนข้างอนุรักษ์นิยม โดยบริษัทมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มจำนวนโรงแรมที่บริษัทรับบริหารกิจการ ทั้งนี้ บริษัทได้ลงนามในสัญญาให้บริการบริหารกิจการโรงแรมและ อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการโรงแรมใหม่ ๆ หลายรายในประเทศอินเดีย จีน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอเมริกา และเคนยา อย่างไรก็ตาม รายได้จากการให้บริการบริหารโรงแรมยังเป็น สัดส่วนที่น้อยอยู่ โดยผลการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่มาจากโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ 3 แห่งเป็นหลัก คือ โรงแรมดุสิตธานีที่กรุงเทพฯ ที่พัทยา และที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ แม้บริษัท จะขยายการดำเนินธุรกิจไปยังต่างประเทศ แต่รายได้มากกว่า 70% ยังคงมาจากภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงแรมแห่งใหม่ในประเทศมัลดีฟส์จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่าง ประเทศของบริษัทให้มีมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากความเสี่ยงจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน ภายในประเทศได้บางส่วน

นอกเหนือจากธรรมชาติที่ผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจโรงแรมภายในประเทศแล้ว ธุรกิจของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การฟื้นความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 บริษัทบันทึกรายได้ 3,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปี 2553 ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมีรายได้ 2,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อัตราการ เข้าพักเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ในส่วนของโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของนั้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ 65% อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืนเพิ่มขึ้น 13% โดยอยู่ที่ 3,013 บาทเมื่อเทียบกับอัตรา 2,662 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโรงแรมที่มีการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืนค่อนข้างสูงคือโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ และดุสิตธานี มะนิลา อีกทั้งอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืนที่สูงของโรงแรมดุสิตธานีมัลดีฟส์ยังส่งผลให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืนของกลุ่มดุสิตธานีปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม อัตราค่าห้องพักต่อคืนสำหรับโรงแรม ของบริษัทยังมีอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากภาพลักษณ์ของโรงแรมที่ไม่ทันสมัยซึ่งมีผลจำกัดความสามารถในการตั้งราคาของบริษัท

บริษัทเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ ระดับเลขหนึ่งหลักในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อัตรากำไรที่ลดลงส่งผลทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงตามไปด้วย สำหรับ 9 เดือนแรก ของปี 2555 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 10.6 ล้านบาท ผลขาดทุนดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเปิดโรงแรมดุสิตธานีมัลดีฟส์ที่ล่าช้า ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อนเปิดโรงแรมสูง การที่ บริษัทประกันรายได้ค่าเช่าให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานีเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท นอกจากนี้ การลงทุนจำนวนมากในโรงแรมดุ สิตธานีมัลดีฟส์ยังส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทอีกด้วย หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจาก 369 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 1,867 ล้านบาทในปี 2554 และ 2,124 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 28.99% ในปี 2554 เป็น 32.33% ณ เดือนกันยายน 2555 อย่างไรก็ตาม ทริสเรตติ้งคาดว่าผลประกอบการของ โรงแรมดุสิตธานีมัลดีฟส์จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นและส่งผลในทางบวกต่อบริษัท นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศก็คาด ว่าจะเป็นผลดีต่อการดำเนินงานและผลประกอบการของบริษัทด้วยเช่นกัน

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC)
อันดับเครดิตองค์กร:	            BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	           Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ
ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะ
นำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้อง
การด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้
รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของ
ข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือ
การละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ