ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” และคงแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ขยายธุรกิจของกลุ่มมิตรผล และชำระหนี้เดิม อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำตาลในภูมิภาค ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียง กระบวนการผลิตน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพ และการขยายกิจการสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาล นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลและปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนต่อไป ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจน้ำตาลและกระแสเงินสดที่มาจากธุรกิจที่หลากหลายขึ้นทั้งจากธุรกิจเอทานอลและธุรกิจไฟฟ้าน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวอยู่ได้ในช่วงที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ในระดับต่ำ
บริษัทน้ำตาลมิตรผลก่อตั้งในปี 2489 โดยตระกูลว่องกุศลกิจ ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลของไทยซึ่งมีตระกูลว่องกุศลกิจถือหุ้นเต็ม 100% โดยถือหุ้นผ่าน บริษัท น้ำตาลมิตรสยาม จำกัด บริษัทน้ำตาลมิตรผลมีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย จีน ลาว และออสเตรเลีย โดยในปีการผลิต 2554/2555 กลุ่มมิตรผลมีผลผลิตน้ำตาลรวมทั้งสิ้น 3.5 ล้านตัน
บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทยมาอย่างยาวนานโดยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยปริมาณการผลิตน้ำตาลที่ 1.96 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.1% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศในฤดูการผลิต 2554/2555 รองลงมาคือกลุ่มไทยรุ่งเรือง (18.3%) กลุ่มไทยเอกลักษณ์ (11.2%) กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น (7.3%) และกลุ่มวังขนาย (6.4%) ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลของบริษัทอยู่ที่ระดับ 108.46 กิโลกรัม (กก.) ต่อตันอ้อยนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 104.63 กก. ต่อตันอ้อย
บริษัทยังเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 7 แห่งในประเทศจีนโดยมีผลผลิตน้ำตาล 1.04 ล้านตันในปีการผลิต 2554/2555 ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 9.0% ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศจีน โดยมีประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลที่ระดับ 124.5 กก. ต่อตันอ้อยในฤดูการผลิต 2554/2555 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายธุรกิจน้ำตาลไปยังประเทศอื่น โดยในปี 2551 บริษัทจัดตั้งโรงงานน้ำตาลที่ประเทศลาว และต่อมาในเดือนเมษายน 2555 บริษัทประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้น 100% ใน MSF Sugar Ltd. (MSF) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศออสเตรเลีย โดยบริษัทใช้เงินลงทุนรวม 302 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 9,500 ล้านบาท MSF มีโรงงานน้ำตาล 4 แห่งซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดและตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ด้วยกำลังการหีบอ้อย 35,000 ตันต่อวัน ในปีการผลิต 2554/2555 MSF มีผลผลิตน้ำตาลรวม 0.5 ล้านตัน หรือคิดเป็น 13% ของการผลิตน้ำตาลรวมของกลุ่มมิตรผล
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมีรายได้รวม 72,131 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวม (EBITDA) 17,205 ล้านบาท กำไรจากธุรกิจน้ำตาลมีสัดส่วนสูงที่สุดคิดเป็น 70% ของ EBITDA โดยกำไรของธุรกิจน้ำตาลในจีนมีสัดส่วน 36% ของ EBITDA รวม ในขณะที่กำไรของธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 32% ของ EBITDA รวม ธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและออสเตรเลียยังให้ผลกำไรไม่มาก โดย MSF มี EBITDA เพียง 48 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เนื่องจากบริษัทมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่าและเป็นการรวมงบการเงินเพียง 6 เดือนเท่านั้น ส่วนธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวมี EBITDA เพียง 266 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555
นอกเหนือจากธุรกิจน้ำตาลแล้ว บริษัทยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอ้อยและน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยด้วย อาทิ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจผลิตกระดาษ และธุรกิจโลจิสติกส์ ณ เดือนธันวาคม 2555 โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทในประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่ 690,000 ลิตรต่อวัน บริษัทยังเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 322 เมกะวัตต์ด้วย EBITDA จากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 4,313 ล้านบาทในปีการผลิต 2554 จาก 3,792 ล้านบาทในปีการผลิต 2553 และ 2,268 ล้านบาทในปีการผลิต 2552 โดย EBITDA จากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 22% ของ EBITDA รวมของบริษัทในปี 2554
รายได้รวมของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 โดยบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 72,131 ล้านบาทในช่วงดังกล่าว เพิ่มขึ้น 12.4% จาก 64,158 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 การเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายน้ำตาลของธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทย การรวมงบการเงิน MSF และการเติบโตของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ส่วนในประเทศจีนราคาขายน้ำตาลในประเทศปรับลดลงเนื่องจากปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับลดลงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ราคาน้ำตาลที่ลดลงส่งผลทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทลดลงเป็น 22.2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 จาก 26.3% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรลดลง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับอัตรากำไรในช่วงปี 2550-2553 ที่อยู่ที่ระดับ 15.6%-21.0% กระแสเงินสดของบริษัทในช่วงปีการผลิต 2553 ถึง 2554 แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายงานและการซื้อหุ้น MSF อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 32.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เทียบกับ 48.0% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในระดับปานกลาง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 47.7% ณ เดือนกันยายน 2555 จาก 39.4% ในปลายปี 2554 บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจโดยใช้เงินลงทุนจำนวนรวม 13,500 ล้านบาทในปี 2556-2557 จากประมาณการ EBITDA ที่ระดับ 17,000 ล้านบาทต่อปี คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังอยู่ในระดับปานกลางในระยะ 2 ปีข้างหน้า
ปริมาณผลผลิตอ้อยและราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในปีการผลิต 2555/2556 ประมาณการปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยอยู่ที่ระดับ 90-95 ล้านตันอ้อย ซึ่งลดลงจาก 98 ล้านตันในปีการผลิต 2554/2555 ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยคาดว่าจะลดลงเช่นกันเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทำสถิติสูงสุดที่ 36.11 เซนต์/ปอนด์ในเดือนมกราคม 2554 ราคาน้ำตาลทรายดิบเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 18 เซนต์ต่อปอนด์ในเดือนมกราคม 2556 เนื่องจากผลผลิตของผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เพิ่มขึ้น ส่วนในประเทศจีนนั้น ราคาน้ำตาลมักเปลี่ยนแปลงไปตามอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศและอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาล ราคาน้ำตาลในประเทศจีนปรับตัวลงมาที่ระดับ 5,500 หยวนต่อตันในปัจจุบัน จากที่เคยขึ้นไปสูงถึง 7,400 หยวนต่อตันในเดือนกันยายน 2554
อันดับเครดิตองค์กร: A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: MPSC135B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+ MPSC136A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+ MPSC136B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+ MPSC13DB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+ MPSC145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+ MPSC146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+ MPSC14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+ MPSC155B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+ MPSC156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+ MPSC15OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+ MPSC165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+ MPSC16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+ MPSC175A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+ MPSC185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+ MPSC20OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+ MPSC21OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+ MPSC22OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+ หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2566 A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html