ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. เคที ซีมิโก้” ที่ “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday April 11, 2013 13:01 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ตลอดจนการมีบริษัทในเครือที่เปิดดำเนินกิจการในประเทศลาวและเวียดนาม และการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้น 50% ในบริษัท การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากเครือข่ายสาขาของธนาคารกรุงไทยซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศรวมถึงความสัมพันธ์ที่ธนาคารมีกับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาดของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากฐานทุนที่ค่อนข้างตึงตัวและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์และแรงกดดันด้านอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายหลังการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดและยอดสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์จำนวนค่อนข้างสูงก็มีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงไทยต่อไป และจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เอาไว้ได้ภายใต้สภาพการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งจะคงไว้ซึ่งระบบจัดการความเสี่ยงที่เพียงพอในการควบคุมความเสี่ยงในการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ในการลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัท รวมไปถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะไม่ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วเกินไปจนกระทบต่อสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทมากนัก

ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ในปี 2555 ยังคงมีขนาดใหญ่โดยอยู่ที่ 4.1% (อันดับ 10 จากนายหน้า 32 ราย) แม้จะลดลงบ้างเล็กน้อยจากปีก่อน ๆ แต่อัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าโดยเฉลี่ยของบริษัทยังคงสูงกว่าคู่แข่ง โดยอยู่ที่ 0.19% ในปี 2555 บริษัทได้ใช้ประโยชน์จากสาขาของธนาคารกรุงไทยในการขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยราว 40% ของบัญชีเปิดใหม่ในปี 2554 และ 2555 เป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารกรุงไทย เทียบกับในปี 2553 ซึ่งมีสัดส่วนดังกล่าวไม่ถึง 10% บริษัทได้ใช้ความพยายามในการทำให้พนักงานของธนาคารมีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการแนะนำลูกค้าของธนาคารให้มาใช้บริการของบริษัท นอกจากความช่วยเหลือในการขยายธุรกิจแล้ว ธนาคารกรุงไทยยังให้การสนับสนุนแก่บริษัทในด้านการเงินด้วย โดยราว 80% ของวงเงินสินเชื่อทั้งหมดที่บริษัทมีเป็นวงเงินที่ได้รับจากธนาคารกรุงไทย การสนับสนุนจากธนาคารในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่ใช่บริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์

บริษัทจัดได้ว่าเป็นผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ไทยรายแรก ๆ ที่ขยายธุรกิจไปในภูมิภาคอินโดจีน โดยบริษัทถือหุ้น 30% ใน BCEL-KT Securities Co., Ltd. (BCEL-KT) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ 1 ใน 2 แห่งของประเทศลาว นอกจากนี้ บริษัทยังมีเครือข่ายอยู่ในประเทศเวียดนามด้วยโดยผ่านการลงทุนใน Thanh Cong Securities Joint Stock Company ของบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอีกรายหนึ่ง (ในสัดส่วน 49.54%) การริเริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศก่อนคู่แข่งรายอื่นในประเทศน่าจะสร้างความได้เปรียบให้แก่บริษัทในการให้บริการวาณิชธนกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมข้ามชาติ ในปี 2555 ที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการวาณิชธนกิจคิดเป็นสัดส่วน 12% ของรายได้รวมของบริษัท โดยกว่าครึ่งเป็นธุรกรรมนอกประเทศ ทริสเรทติ้งคาดหวังที่จะเห็นธุรกิจวาณิชธนกิจสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญของบริษัทต่อไปในอนาคตอันใกล้

แม้ว่าภายหลังการรับโอนธุรกิจหลักทรัพย์จาก บล. ซีมิโก้ในปี 2552 จะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่มีกำไร แต่สัดส่วนกำไรต่อรายได้ของบริษัทก็ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 77% ของรายได้สุทธิในปี 2555 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับประมาณ 60% การมีสัดส่วนกำไรต่อรายได้ที่ต่ำนี้อาจทำให้บริษัทตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบในการแข่งขันและอาจส่งผลกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรในอนาคตได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นภายหลังการเปิดเสรีในปี 2555 สิ่งท้าทายสำหรับผู้บริหารของบริษัทคือความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายและการเตรียมความพร้อมให้แก่บริษัทเพื่อรับมือกับภาวะที่ตลาดอาจผันผวนในอนาคต

การซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัททำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ลดสัดส่วนการลงทุนแบบเก็งกำไรลงแล้วเน้นการลงทุนแบบ Arbitrage กับการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ทั้งนี้ สัดส่วนปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทเมื่อเทียบกับยอดซื้อขายรวมของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งอุตสาหกรรมลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 15% ในปี 2552 เหลือ 3% ในปี 2555 ยอดลูกหนี้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท ณ สิ้นปี 2555 เพิ่มขึ้นเป็น 3.0 พันล้านบาทจากสิ้นปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อนี้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีสัดส่วนการให้สินเชื่อเทียบกับยอดลูกหนี้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์รวมทั้งอุตสาหกรรมค่อนข้างนิ่งอยู่ที่ระดับ 7% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีฐานเงินทุนที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว การขยายตัวของสินเชื่อนี้จึงทำให้บริษัทจัดว่ามีการใช้หนี้สินเทียบกับทุนที่สูงมากที่สุดบริษัทหนึ่งในอุตสาหกรรม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะใช้ความระมัดระวังในการขยายสินเชื่อหรือในการตัดสินใจใดใดที่จะส่งผลในการก่อหนี้เพิ่มขึ้น

ณ สิ้นปี 2555 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ประมาณ 2.1 พันล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 24% เทียบกับ 41% ณ สิ้นปี 2554 แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังคงสูงกว่าเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนดไว้ แต่ความพยายามในการใช้ทุนอย่างเต็มที่ของบริษัทได้ทำให้บริษัทจัดว่าเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนดังกล่าวต่ำมากที่สุดแห่งหนึ่ง

บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (KTZ)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ