ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร” ที่ระดับ "AA-" ด้วยแนวโน้ม “Stable” และจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทที่ระดับ "AA-"

ข่าวทั่วไป Friday April 26, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “AA-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้และลงทุนตามแผน อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย ความสำเร็จของกลยุทธ์ที่เน้นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ และการขยายธุรกิจในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัท ตลอดจนความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม ความเสี่ยงจากโรคระบาด และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้า ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจเกษตรอาหารที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การเป็นบริษัทที่มีสินค้าและตลาดที่หลากหลายน่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ในธุรกิจฟาร์มซึ่งมีลักษณะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรค

บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ วันที่ 11 มีนาคม 2556 กลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 45.09% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือกลุ่มสัตว์บกและกลุ่มสัตว์น้ำ โดยแต่ละกลุ่มประกอบด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจฟาร์ม และธุรกิจอาหารพร้อมบริโภค การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งสามารถส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญซึ่งได้แก่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เอเชีย และประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นของ C.P. Pokphand Co., Ltd. (CPP) ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 สัดส่วนรายได้ของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารมีการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รายได้จากกิจการในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 45% ของรายได้รวมในปี 2555 ลดลงจาก 75% ในปี 2554 รายได้จากกิจการในประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วน 28% ของรายได้รวม ตามด้วยรายได้จากประเทศเวียดนาม (12%) รายได้ส่วนที่เหลือมาจากกิจการในประเทศตุรกี ไต้หวัน อินเดีย และประเทศอื่น ๆ ซึ่งแต่ละประเทศมีสัดส่วน 1%-5% ของรายได้รวม ธุรกิจอาหารสัตว์ซึ่งค่อนข้างมีเสถียรภาพเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วน 56% ของรายได้รวมในปี 2555 รายได้จากธุรกิจฟาร์มซึ่งมีลักษณะผันผวนเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์มีสัดส่วน 32% ของรายได้รวม จาก 43% ในปี 2554 และธุรกิจอาหารพร้อมบริโภคมีสัดส่วน 12% ของรายได้รวมจากเดิมที่ระดับ 19% ในปี 2554

บริษัทยังคงนโยบายลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลงและสร้างเสถียรภาพของกระแสเงินสดโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ของบริษัทอีกทั้งยังขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารพร้อมบริโภคให้เป็น 20% ของยอดขายรวมภายในปี 2559 รวมทั้งจะขยายกิจการในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องอีกหลายแห่ง โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกิจการในต่างประเทศเป็น 63% ของยอดขายรวมภายในปี 2559 จาก 55% ในปี 2555

ในปี 2555 ธุรกิจสัตว์บกในประเทศไทยอยู่ในช่วงต่ำสุดของวัฎจักรอุตสาหกรรม ตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ราคาเนื้อไก่และเนื้อหมูปรับตัวลดลง 15%-20% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยในปี 2554 กากถั่วเหลืองซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนอาหารสัตว์ที่สำคัญปรับตัวขึ้นอย่างมากถึงกว่า 30% ในปี 2555 นอกจากนี้ บริษัทยังประสบปัญหาโรคระบาด Early Mortality Syndrome (EMS) ในฟาร์มกุ้งในประเทศไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเป็น 11.6% ในปี 2555 จาก 16.3% ในปี 2554 และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 46% จากปี 2554 เป็น 7,983 ล้านบาทในปี 2555 แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 73.3% หลังการรวมกิจการ CPP ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงเพียง 9% เป็น 22,493 ล้านบาทในปี 2555 เทียบกับ 24,655 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวน 6,009 ล้านบาทในปี 2555 และบันทึกกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 8,673 ล้านบาทในปีเดียวกันอีกด้วย ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทยังอยู่ในระดับสูงถึง 18,790 ล้านบาทในปี 2555 จาก 16,117 ล้านบาทในปี 2554 ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทลดลงในปี 2555 เนื่องจากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นและการดำเนินงานที่อ่อนแอลง การซื้อกิจการขนาดใหญ่ของ CPP ทำให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในปี 2555 โดยหนี้เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 146,203 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2555 จาก 69,449 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงเป็น 3.6 เท่าในปี 2555 เมื่อเทียบกับ 10.2 เท่าในปี 2554

เงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบไม่มากต่อบริษัทเนื่องจากฐานรายได้ของบริษัทมีการกระจายตัวและบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบซึ่งช่วยลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนลง ในปี 2555 บริษัทมีการส่งออกประมาณ 8.6% ของรายได้รวม ในขณะที่มีการนำเข้าวัตถุดิบคิดเป็น 7.9% ของต้นทุนรวม หรือคิดเป็น 7.0% ของรายได้รวม ทำให้รายได้เพียง 2% ของบริษัทมีความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท การกระจายตัวของแหล่งรายได้ในเชิงภูมิศาสตร์ของบริษัทยังช่วยลดผลกระทบบางส่วนที่เกิดจากโรคระบาดไข้หวัดนก H7N9 ในประเทศจีนด้วย ผลประกอบการในประเทศจีนคิดเป็น 28% ของรายได้รวมในปี 2555 และธุรกิจในประเทศจีนเกือบทั้งหมดเป็นธุรกิจจำหน่ายอาหารสัตว์โดยส่วนใหญ่เป็นอาหารหมู ส่วนอาหารไก่มีสัดส่วน 33% ของรายได้ของธุรกิจในประเทศจีน ดังนั้น รายได้ในสัดส่วน 9% ของรายได้รวมอาจจะได้รับผลกระทบจากปริมาณการขายอาหารสัตว์ที่ลดลงตามการบริโภคไก่ที่ลดลงจากการระบาดของไข้หวัดนกในประเทศจีน ในปี 2556 แม้ว่าธุรกิจกุ้งในประเทศไทยและธุรกิจอาหารไก่ในประเทศจีนจะอ่อนแอลง แต่ก็คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะฟื้นตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์ในประเทศไทย ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 ราคาเนื้อไก่ได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 40 บาท โดยเพิ่มขึ้น 12.6% จากราคาเฉลี่ยในปี 2555 ส่วนราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้นไปเป็น 62 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 15.0% จากราคาเฉลี่ยในปี 2555 ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจสัตว์บกในประเทศดีขึ้น

บริษัทวางแผนลงทุนขนาดใหญ่ประมาณ 50,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2556-2558 ทั้งนี้ หากไม่มีแผนการลดหนี้ที่เป็นรูปธรรม แผนการลงทุนจำนวนมากนี้จะกดดันให้งบดุลของบริษัทอ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทแข็งแรงขึ้นและลดอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPF138A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 AA-
CPF13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 AA-
CPF14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA-
CPF14NB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA-
CPF15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA-
CPF163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,060 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-
CPF17NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 AA-
CPF188A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AA-
CPF198A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 AA-
CPF218A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-
CPF228A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA-
CPF328A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 AA-
CPF418A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 AA-
CPF41DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 AA-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ