ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่ระดับ “AAA” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนสถานะผู้นำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีมากพอ การสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการถือสัมปทานปิโตรเลียม และฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศด้วย แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า ปตท.สผ. จะยังคงดำรงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้แม้จะมีแผนการลงทุนที่สูงในช่วงปี 2556-2560 นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและเข้มงวดเพื่อให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนของราคาปิโตรเลียมและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานในต่างประเทศ
ปตท. สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถือสิทธิ์สัมปทานปิโตรเลียมในนามของรัฐบาลไทย ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติถือหุ้นใน ปตท.สผ. ในสัดส่วน 65.3% ทั้ง ปตท. และ ปตท.สผ. ยังคงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณของไทย การเป็นตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจึงทำให้ ปตท.สผ. ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการสัมปทานปิโตรเลียมที่สำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ณ เดือนธันวาคม 2555 บริษัทมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วทั้งหมดซึ่งรวมถึงแหล่งน้ำมันในต่างประเทศที่ระดับ 901 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับปี 2554 โดยสัดส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากโครงการในต่างประเทศคิดเป็น 44% ของปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วในปี 2555 เมื่อพิจารณาจากการผลิตที่ระดับประมาณ 314,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2555 แล้ว ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทน่าจะผลิตได้นานประมาณ 8 ปี ซึ่งต่ำกว่าปริมาณสำรองของผู้ประกอบการระดับโลกที่มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-15 ปีเล็กน้อย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2556 บริษัทมีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 44 โครงการ โดย 19 โครงการอยู่ในขั้นตอนการผลิต และที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนา
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการระดับโลกรายอื่นแล้ว ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ปตท.สผ. จัดว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ โดยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลิต (Lifting Cost) ของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 4.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2554 เป็น 4.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2555 ซึ่งเป็นผลมาจากการหยุดการดำเนินงานของโครงการอาทิตย์เหนือซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีต้นทุนเฉลี่ยในการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียม (F&D) เพิ่มขึ้นในปี 2555 โดยต้นทุนเฉลี่ยของ F&D 5 ปีย้อนหลังสิ้นสุด ณ ปี 2555 เพิ่มขึ้นเป็น 28.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบจาก 19.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2554 ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยของ F&D ที่เพิ่มขึ้นนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการซื้อหุ้น 100% ในบริษัท Cove Energy PLC (Cove) ในปี 2555 มูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินทรัพย์หลักของ Cove ได้แก่ การถือครองแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 ในประเทศโมซัมบิกในสัดส่วน 8.5% ซึ่งแปลงสัมปทานดังกล่าวคาดว่าจะมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ (Resources) ถึงประมาณ 65 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต เนื่องจากโครงการนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา จึงยังไม่สามารถรวมปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติจากโครงการนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วของบริษัทได้ โครงการนี้มีแผนการพัฒนาเพื่อผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas --- LNG) ด้วยปริมาณการผลิตเบื้องต้นที่ 10 ล้านตันต่อปี และเมื่อมีการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final investment decision) ในโครงการดังกล่าว ปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 170 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2557 ซึ่งตามแผนงาน โครงการดังกล่าวจะใช้เวลาพัฒนาประมาณ 5 ปี (2557-2561) จนกระทั่งสามารถจัดส่งก๊าซครั้งแรกได้ในปี 2562
ในปี 2555 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 23.0% เป็น 6,690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น 16.9% และปริมาณขายที่มากขึ้น 4.1% เป็น 275,923 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นจาก 4,064 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 เป็น 5,104 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2555 ด้วย
บริษัทยังคงมีฐานะการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่ง โดยโครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้นอย่างมากหลังจากประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2555 ในขณะที่เงินกู้รวม (ปรับปรุงด้วยสัญญาเช่าดำเนินงานและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) นั้นยังคงอยู่ในระดับประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2555 ดังนั้น อัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนจึงปรับตัวดีขึ้นจาก 39.2% ในปี 2554 เหลือ 27.5% ในปี 2555 นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่ดี โดย ณ เดือนธันวาคม 2555 บริษัทมีเงินสดในมือ 2,292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนระยะ 5 ปีของบริษัทคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 14,767 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณ 56% ของค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดจะเป็นการลงทุนในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (21%) อเมริกาเหนือ (16%) กลุ่มประเทศในทวีปออสเตรเลีย (3%) และอื่น ๆ (4%) การลงทุนดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตของบริษัทเป็น 2 เท่า จากระดับประมาณ 314,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2555 เป็น 600,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2563 เพิ่มขึ้น 286,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้นส่วนใหญ่จะมาจากโครงการในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนาในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงโครงการ Montara ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 โดยล่าช้าจากแผนเดิมประมาณ 1 ปีเนื่องจากระเบียบข้อบังคับในการทำงานของรัฐบาลออสเตรเลียที่เข้มงวดขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วและอุบัติเหตุไฟไหม้ในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2552 นอกเหนือจากความเสี่ยงที่เกิดจากการสำรวจและพัฒนาโครงการซึ่งเกิดในเกือบทุกโครงการแล้ว บริษัทยังอาจเผชิญกับความเสี่ยงในการผลักดันให้โครงการสำเร็จตามเป้าหมายโดยเฉพาะโครงการในต่างประเทศด้วย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html