ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ระดับ “BBB-/Negative”

ข่าวทั่วไป Thursday May 23, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาทของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยแนวโน้มยังคง “Negative” หรือ “ลบ” ทั้งนี้ บริษัทวางแผนจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้มีหลักประกันที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยอันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจร ตลอดจนความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) และธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก รวมทั้งการที่บริษัทมีโครงข่ายโทรคมนาคมที่ให้บริการภายใต้เทคโนโลยีที่หลากหลาย และความคาดหวังว่าผู้ถือหุ้นใหญ่จะให้การสนับสนุนแก่บริษัท อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก ตลอดจนความไม่แน่นอนของกฎระเบียบด้านโทรคมนาคมและคดีฟ้องร้องที่ยังไม่สิ้นสุด ความเสี่ยงจากการขยายการลงทุนที่รวดเร็วในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการที่บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมาก ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนอัตราส่วนกำไรที่อ่อนแอลงและความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จากสัมปทาน 2 จีที่จะหมดอายุในปี 2556 อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2557 หรือสถานะทางธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบเชิงลบจากการสิ้นสุดของสัมปทาน 2 จี อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับกลับมาที่ “Stable” หรือ “คงที่” หากการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่สร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทได้ในระยะยาว และโครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวดีขึ้น

บริษัททรู คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้นำในการให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรของประเทศ ธุรกิจหลักของบริษัททั้ง 3 กลุ่มซึ่งประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโครงข่ายสายสัญญาณ (Wireline) ซึ่งดำเนินงานโดยทรูออนไลน์ กลุ่มธุรกิจไร้สาย (Wireless) หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช ซึ่งดำเนินงานโดยทรูโมบาย และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) โดยทรูวิชั่นส์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในสัดส่วน 25% 65% และ 10% ตามลำดับ

บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่เข้มแข็งในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจากการมีเครือข่ายที่ครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทยังสะท้อนถึงการเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่ที่สุด รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลำดับที่ 3 ในประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่มีการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย และมีสัดส่วนถือหุ้นในบริษัทประมาณ 65% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

บริษัทได้ขยายการลงทุนในโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จีอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2554 ส่งผลให้กลุ่มทรูโมบายมีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 2.72 หมื่นล้านบาทในปี 2554 มาเป็น 3.12 หมื่นล้านบาทในปี 2555 โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 กลุ่มทรูโมบายมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนด้านโครงข่ายและค่าใช้จ่ายในการเพิ่มผู้ใช้บริการปรับสูงขึ้นมากเช่นกัน ส่งผลให้บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงหากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทไม่ปรับตัวดีขึ้นตามที่คาดในระยะปานกลาง นอกจากนี้ กลุ่มทรูโมบายยังมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (กสท) จะหมดอายุลงในเดือนกันยายนปี 2556 โดยที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงว่าการหมดอายุของสัมปทานดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อการให้บริการลูกค้าในระบบ 2 จีของบริษัท รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับบริษัทในการนำคลื่น 1800 MHz กลับมาให้บริการ และต้นทุนในการให้บริการบนโครงข่าย 2 จี ซึ่งจะอยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของ กสท

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการให้บริการของบริษัทจะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณตัวเลขหนึ่งหลักในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยรายได้จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและบริการด้านข้อมูลจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2556 อยู่ที่ 19.8% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรดังกล่าวจะยังคงได้รับแรงกดดันด้านการแข่งขันในปี 2556 และน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2557 หลังจากที่บริษัทได้โอนย้ายผู้ใช้บริการจำนวนพอสมควรไปยังโครงข่าย 3 จีซึ่งมีต้นทุนที่ต้องจ่ายให้กับภาครัฐต่ำกว่า

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงมากในช่วงปี 2556-2557 เนื่องจากบริษัทยังคงมีความต้องการเงินกู้เพื่อขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และโครงข่ายเคเบิลอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง นอกจากนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.3-1.6 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2558 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าก็คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเงินทุนจากการดำเนินงาน ทำให้มีโอกาสน้อยที่บริษัทจะสามารถลดภาระหนี้ได้ในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเพิ่มภาระหนี้พร้อมกับการเพิ่มทุนเพื่อรักษาโครงสร้างเงินทุนและสภาพคล่องไม่ให้อ่อนแอลงไปกว่าระดับปัจจุบัน อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทอยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนหนี้มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมอยู่ในระดับสูง

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TRUE13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 BBB-
TRUE144A: หุ้นกู้มีประกัน 6,183 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB
TRUE144B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB-
TRUE151A: หุ้นกู้มีประกัน 7,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB
TRUE16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB-
TRUE174A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 7,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2560 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ