ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นเดียวกัน ส่วนแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการขยายกิจการ อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในโครงการก่อสร้างพื้นฐานและโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความยืดหยุ่นทางการเงินจากมูลค่าเงินลงทุนเชิงกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ตลอดจนความเสี่ยงของสัญญาที่มีลักษณะต่อหน่วยแบบคงที่ (Fixed-price Contract) และภาระหนี้ที่สูงของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรในระยะปานกลางให้อยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบันไว้ได้ นอกจากนี้ อัตราส่วนภาระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจากเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากลูกหนี้โครงการไซยะบุรี
บริษัท ช. การช่างก่อตั้งในปี 2515 โดยตระกูลตรีวิศวเวทย์ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายในตลาดหลักทรัพย์ของไทย และมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างตั้งแต่งานโยธาโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงโครงการที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) และ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW) นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 2 ราย ได้แก่ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (CKP) และ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL)
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่า 1.128 แสนล้านบาท โดยมีโครงการหลักได้แก่ โครงการเขื่อนไซยะบุรีซึ่งมีมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท โครงการทางพิเศษศรีรัช วงแหวนรอบนอกมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ โครงการเขื่อนไซยะบุรีมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 53% ของมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมด
สถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 และยังคงอยู่ในระดับตามประมาณการของทริสเรทติ้ง บริษัทมีรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2556 อยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ที่ 7.6% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 บริษัทได้ขายหุ้น TTW มูลค่า 3.3 พันล้านบาทให้แก่ BECL โดยบริษัทได้รับเงินจำนวน 2.2 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2556 และคาดว่าจะได้รับเงินส่วนที่เหลือเป็นรายงวดอีก 1.1 พันล้านบาทภายในเดือนเมษายน 2558 นอกจากนี้ บริษัทได้บันทึกกำไรพิเศษจากรายการขายหุ้นดังกล่าวจำนวน 6 พันล้านบาท และเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีมูลค่าเงินลงทุนใน TTW เป็นวิธีสะท้อนมูลค่าตลาดแทนวิธีส่วนได้เสียเดิม
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยจะเป็นรายได้จากโครงการเขื่อนไซยะบุรีประมาณ 7-8 พันล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ งานรับเหมาก่อสร้างในมือจำนวนมากที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของประมาณการรายได้พื้นฐาน นอกจากนี้ แนวโน้มที่ดีของงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากทางภาครัฐน่าจะเป็นปัจจัยช่วยเสริมอัตราการเติบโตของรายได้ให้แก่บริษัทในระยะปานกลางเช่นกัน ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอัตราส่วนกำไรโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 5% ในระยะปานกลางด้วย
ในช่วงไตรมาสข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่ามูลค่าลูกหนี้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระของบริษัทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการที่ XPCL จะเร่งเรียกชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนและเบิกเงินกู้เพื่อชำระคืนต้นทุนก่อสร้างโครงการไซยะบุรีที่บริษัทลงทุนไปล่วงหน้า ต้นทุนก่อสร้างล่วงหน้าดังกล่าวทำให้ลูกหนี้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นจาก 3.8 พันล้านบาทในปี 2552 เป็น 1.31 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 64.7% จากระดับ 76.3% ณ สิ้นปี 2555 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินกู้รวมหักด้วยเงินสดต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.5 เท่าจาก 2.6 เท่า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 60% ต่อไปในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันแม้ว่าบริษัทจะมีภาระหนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้รับเหมาที่ได้รับอันดับเครดิตเท่ากัน เนื่องจากโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทที่เป็นทั้งผู้รับเหมาและประกอบธุรกิจลงทุน
บริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่ยอมรับได้ ในช่วงปี 2556-2558 เงินทุนจากกการดำเนินงาน (ไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุน) ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านบาทต่อปี บริษัทมีแผนเพิ่มทุนใน XPCL ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ต่อปีและมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 800 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 เงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทมีมูลค่ายุติธรรมที่ 1.68 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 56% ของภาระหนี้รวมของบริษัทที่ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีเงินสดในมือและเงินลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้นอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท และมีหนี้ระยะยาวที่จะถึงกำหนดชำระใน 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 10.5 พันล้านบาท โดยหนี้ดังกล่าวคาดว่าจะถูกชำระคืนด้วยกระแสเงินสดจากโครงการก่อสร้างหรือจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html