ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย ตลอดจนความต้องการใช้บริการดาวเทียมภายในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้านที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ รวมถึงกฎระเบียบที่ซับซ้อนในธุรกิจสื่อสารดาวเทียม
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” ซึ่งเปลี่ยนจาก “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นและโอกาสในการเติบโตที่ดีในธุรกิจดาวเทียม เนื่องจากบริษัทจะปล่อยดาวเทียมใหม่ 2 ดวงเข้าสู่วงโคจรในปลายปี 2556 และในปี 2557 ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทประสบความสำเร็จตามแผนธุรกิจโดยที่ยังคงสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่ดีเอาไว้ได้
บริษัทไทยคมก่อตั้งในปี 2534 และเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย หลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2537 แล้ว บริษัทยังคงมี บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ณ เดือนเมษายน 2556 ที่ 41.14% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทให้บริการการสื่อสารด้วยดาวเทียมแบบวงโคจรค้างฟ้าจำนวน 2 ดวง โดยเป็นดาวเทียมแบบทั่วไป 1 ดวง คือ ไทยคม 5 และดาวเทียมบรอดแบนด์ 1 ดวง คือ ไทยคม 4 หรือรู้จักในชื่อไอพีสตาร์ และยังลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศลาว ตลอดจนธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อด้วย ในปี 2555 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 7,266 ล้านบาท เติบโต 9.7% จากปี 2554 และอยู่ที่ 1,774 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 โดยรายได้จากดาวเทียมแบบทั่วไปคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 40% ของรายได้รวมมาตั้งแต่ปี 2555 และในช่วงเวลาเดียวกัน ยอดขายและบริการจากดาวเทียมไอพีสตาร์สร้างรายได้ประมาณ 46% ฐานลูกค้าในส่วนของบริการดาวเทียมทั่วไปของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนฐานลูกค้าบริการดาวเทียมไอพีสตาร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย และจีน
ปัจจัยบวกที่มีต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้รับแรงหนุนจากลักษณะของธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าได้ยาก ตลอดจนการมีตำแหน่งวงโคจรที่จำกัด เงินลงทุนที่สูง ขั้นตอนของกฎระเบียบที่ซับซ้อน และความต้องการในการใช้เทคโนโลยี ในปัจจุบันบริษัทให้บริการดาวเทียมบนวงโคจรที่ได้รับการจัดสรร (Slot) สำหรับประเทศไทยทั้งหมด โดยรายได้จากธุรกิจดาวเทียมอยู่ภายใต้สัญญาเช่าระยะปานกลางถึงระยะยาว โอกาสการเติบโตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเติบโตของธุรกิจกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และความต้องการใช้บริการ Mobile Backhaul (ส่วนหนึ่งของโครงข่ายไร้สายที่รับข้อมูลที่ส่งมาจากหอส่งสัญญาณไร้สายเข้าสู่ชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่)
จำนวนช่องโทรทัศน์บนดาวเทียมไทยคม 5 เติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 427 ช่องในปี 2554 เป็น 465 ช่อง ณ ปลายเดือนมีนาคม 2556 คาดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมการกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศในประเทศไทยจะรุนแรงขึ้นจากจำนวนผู้ประกอบการรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการออกใบอนุญาตโทรทัศน์ระบบดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงการเปิดเสรีรายได้โฆษณาเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ช่องโทรทัศน์ที่มีความละเอียดสูง (HD) ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยผลักดันการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมเพิ่มขึ้นด้วย ณ เดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีมูลค่างานจากการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไปจำนวน 335 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันบริษัทวางแผนจะปล่อยดาวเทียมแบบทั่วไปอีก 2 ดวงสู่วงโคจร คือ ดาวเทียมไทยคม 6 และไทยคม 7 ดาวเทียมไทยคม 6 มีกำหนดขึ้นสู่วงโคจรในปลายปี 2556 ซึ่งล่าช้าจากกำหนดการเดิมเล็กน้อย ทั้งนี้ ในระหว่างนี้บริษัทแก้ปัญหาโดยเช่าดาวเทียมอื่นเพื่อให้บริการเป็นการชั่วคราว ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทขายช่องรับส่งสัญญาณดาวเทียมไทยคม 6 ล่วงหน้าได้เกือบ 60% ของความจุทั้งหมดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อให้บริการสำหรับโทรทัศน์ดาวเทียมในประเทศไทยและช่องโทรทัศน์ HD ที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น สำหรับดาวเทียมไทยคม 7 ยังอยู่ระหว่างการสร้างโดย Asia Satellite Telecommunications Co., Ltd. และมีกำหนดปล่อยสู่วงโคจรในปี 2557 บริษัทได้รับความจุช่องสัญญาณในสัดส่วนไม่เกิน 50% ของความจุทั้งหมด ทั้งนี้ดาวเทียมดวงใหม่ 2 ดวงนี้จะเพิ่มความจุช่องรับส่งสัญญาณ 40 ช่อง และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของบริษัทในระยะปานกลาง
บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมที่สำคัญรายหนึ่งในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก บริษัทมุ่งเน้นการขายช่องสัญญาณบรอดแบนด์ให้แก่บริษัทโทรคมนาคม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร และโครงการภาครัฐ นอกจากนี้ ยังให้บริการระบบดาวเทียมแบบปลายทางถึงปลายทาง (End-to-End) แก่ลูกค้าด้วย อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์เพิ่มขึ้นจาก 24.6% ในปี 2554 เป็น 25.2% ในปี 2555 และ 28.4% ณ สิ้นเดือนมีนคม 2556 คาดว่าอัตราการใช้ดาวเทียมไอพีสตาร์ในปี 2556 จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทได้ลงนามในสัญญาขายช่องสัญญาณในส่วนที่จัดสรรให้แก่ประเทศจีนและประเทศไทยได้ทั้งหมด ช่องสัญญาณที่จำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2556 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7.9% ของช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ทั้งหมด บริษัทได้จัดสรรความจุของช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์สำหรับประเทศจีนเป็นจำนวนมาก (24.4%) การเข้าสู่ตลาดจีนมีความล่าช้าจนกระทั่งในเดือนมีนาคม 2556 บริษัทจึงบรรลุข้อตกลงกับ Vastsuccess Holding Limited (VAST) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดของ Synertone Communication Corporation (SYNERTONE) ทั้งนี้ SYNERTONE ซึ่งมีฐานการดำเนินงานในฮ่องกงเป็นผู้จำหน่ายส่วนประกอบของระบบการสื่อสารแบบพิเศษและให้บริการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยข้อตกลงดังกล่าวระบุว่าบริษัทจะขายช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ทั้งหมดที่จัดสรรสำหรับประเทศจีนให้แก่ VAST ในรอบระยะเวลาการให้บริการในช่วงอายุที่เหลือของดาวเทียมไทยคม 4 ข้อตกลงนี้ผลักดันให้อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์เพิ่มขึ้นเป็น 53% ของช่องสัญญาณทั้งหมด โดยบริษัทได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าบริการขั้นต่ำที่จ่ายเป็นรายปีและส่วนแบ่งรายได้ที่มาจากการให้บริการของ VAST ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านเงื่อนไขบังคับก่อนอย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 30 กันยายน 2556 รายได้จากธุรกิจในประเทศจีนน้อยกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ อย่างไรก็ตาม รายได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นภายใต้โครงสร้างส่วนแบ่งรายได้
สถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น และโครงสร้างเงินทุนที่ปรับตัวดีขึ้น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ในช่วง 50% ตั้งแต่ปี 2554 ถึงไตรมาสแรกของปี 2556 อันเป็นผลจากการขยายบริการดาวเทียมไอพีสตาร์และการปิดธุรกิจที่ขาดทุน Mfone Co., Ltd (Mfone) ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมที่บริษัทลงทุนในประเทศกัมพูชาได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายในช่วงต้นปี 2556 บริษัทได้ตั้งด้อยค่าของสินทรัพย์ของ Mfone เต็มจำนวนในปี 2555 และจะไม่มีผลกระทบในทางบัญชีอีกต่อไป เมื่อพิจารณาถึงโอกาสการเติบโตในบริการด้านดาวเทียมแบบทั่วไปที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น ตลอดจนการเติบโตในดาวเทียมบอร์ดแบนด์แล้ว คาดว่าผลกำไรและเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตขึ้นในอนาคต
ภาระหนี้ของบริษัทลดลงเนื่องจากบริษัทได้ชำระคืนหุ้นกู้จำนวน 3,300 ล้านบาทในปี 2555 เป็นผลทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจาก 42% ในปี 2555 เป็น 33.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับภาระหนี้ของบริษัทในระยะปานกลางมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ตลอดจนเพื่อตอบสนองความต้องการเงินทุนที่ใช้ในการสร้างดาวเทียมไทยคม 6 นอกจากนี้ บริษัทได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ AsiaSat เพื่อสร้างดาวเทียมไทยคม 7 ด้วย โดยบริษัทจะต้องชำระค่าเช่า 15 ปีซึ่งมูลค่าปัจจุบันสุทธิของเงินลงทุนระยะยาวนี้จะคิดเป็นภาระหนี้ อีกทั้งบริษัทจะยังคงดำเนินการจ่ายเงินปันผลตามนโยบายต่อไป สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างน่าพอใจในปี 2555 และในไตรมาสแรกของปี 2556 คุณภาพเครดิตของบริษัทในอนาคตจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดซึ่งคาดว่าจะเติบโตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการปล่อยดาวเทียมใหม่ 2 ดวงสู่วงโคจร ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทดำเนินตามนโยบายการเงินที่เข้มงวดในการลงทุนในอนาคตต่อไป
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html