ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท “บ. แสนสิริ” ที่ระดับ “BBB/Positive”

ข่าวทั่วไป Wednesday July 31, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)ที่ระดับ “BBB” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Positive” หรือ “บวก” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินจากการออกหุ้นกู้จำนวน 1,000 ล้านบาทไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนกันยายน 2556 และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการขยายธุรกิจ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัททั้งในส่วนของยอดขายและกำไรในช่วงปี 2553-2555 ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถคงอัตราส่วนภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อทุนได้ต่ำกว่า 1.5 เท่าอย่างสม่ำเสมอ ในทางตรงข้าม หากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากก็อาจทำให้ต้องมีการปรับลดอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตลง

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทแสนสิริ ตลอดจนผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ความหลากหลายของสินค้า และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่จะรับรู้รายได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง รวมถึงความกังวลในด้านต้นทุนการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะการขาดแคลนแรงงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 99 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 127,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 61% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 31% และทาวน์เฮ้าส์ 8% ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 3.5 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้มูลค่าสูงถึง 56,000 ล้านบาท หรือเกือบ 2 เท่าของรายได้ในปี 2555 และมีมูลค่าเหลือขายอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียม

ยอดขายของบริษัทในปี 2555 ทำสถิติสูงสุดที่ 42,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่าจาก 21,792 ล้านบาทในปี 2554 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ยอดขายเท่ากับ 20,900 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งปีของปี 2555 ยอดขายที่เติบโตขึ้นเป็นผลมาจากการที่บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากในช่วงปี 2555 จนถึง 3 เดือนแรกของปี 2556 โดยโครงการที่เปิดใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมอยู่ที่ระดับสูงสุดที่ 28,553 ล้านบาทในปี 2555 และยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 17,836 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2556 ยอดขายจากโครงการบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 2,400-2,900 ล้านบาทต่อไตรมาสในช่วง 5 ไตรมาสหลังสุด อย่างไรก็ตาม ยอดขายทาวน์เฮ้าส์ของบริษัทนั้นต่ำกว่าในอดีต โดยลดลง 14% เป็น 3,614 ล้านบาทในปี 2555 และลดเหลือ 515 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 จาก 1,195 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 ยอดขายที่สูงของคอนโดมิเนียมทำให้บริษัทมียอดสินค้าที่รอการส่งมอบสูงขึ้นมาก

รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเป็น 29,821 ล้านบาทในปี 2555 โดยเพิ่มขึ้น 45% จาก 20,542 ล้านบาทในปี 2554 โดยรายได้ของบริษัทในปี 2555 เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งสะท้อนถึงสถานะที่โดดเด่นทั้งในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากสินค้าทุกประเภท ทั้งนี้ รายได้จากคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมากถึง 60% เป็น 14,913 ล้านบาทในปี 2555 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท รายได้จากบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เติบโต 32% และ 37% จากปี 2554 ตามลำดับ รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2556 เท่ากับ 5,111 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับ 5,109 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยรายได้จากคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวเติบโต 17% และ 10% ตามลำดับ ในขณะที่รายได้จากทาวน์เฮ้าส์ลดลงมากถึง 53% อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 32%-34% ของรายได้ในช่วงปี 2553 ถึง 3 เดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 28%-29% ในช่วงปี 2549-2552 อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงเหลือเพียง 2% ของรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2556 จาก 14%-16% ในช่วงปี 2552-2555 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นมากจากการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากในไตรมาสแรกนี้ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงค่อนข้างสูง โดยอัตราส่วนดังกล่าวเท่ากับ 62%-64% ในช่วงปี 2553 ถึง 3 เดือนแรกของปี 2556 ในขณะที่อัตราส่วนภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 1.6-1.8 เท่าในช่วงปี 2553 ถึงไตรมาสแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1-1.3 เท่าในช่วงปี 2550-2552 สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 10.56% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) จาก 14.1% ในปี 2555 และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเหลือเพียง 0.83 เท่า อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนการส่งมอบยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวนมากถึง 19,000 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี 2556 ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัท และลดอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลงได้

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SIRI155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB
SIRI15OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB
SIRI167A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB
SIRI16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB
SIRI181A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB
SIRI185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ