ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา” เป็น “A" จาก "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable”

ข่าวทั่วไป Friday August 9, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A” จากเดิมที่ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากการที่บริษัทได้พัฒนาความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดหลังการขยายธุรกิจโรงแรมและอาหารบริการด่วน อันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและมีแหล่งกระแสเงินสดที่กระจายตัว รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัล อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจโรงแรมที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและได้รับผลกระทบได้ง่ายจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ รวมทั้งจากลักษณะของธุรกิจอาหารบริการด่วนที่มีอัตรากำไรต่ำ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมทั้ง 2 ประเภทจัดว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงเมื่อพิจารณาจากอุปสงค์ของจำนวนห้องพักในโรงแรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและการทำการตลาดเชิงรุกเป็นประจำในธุรกิจอาหารบริการด่วน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในแบรนด์สินค้าหลักทั้งในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วนได้ต่อไป ทั้งนี้ คาดว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพียงพอต่อความต้องการในการลงทุน

บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาก่อตั้งโดยตระกูลจิราธิวัฒน์ในปี 2523 เพื่อดำเนินธุรกิจโรงแรม 1 แห่งในประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทบริหารโรงแรมจำนวน 31 แห่งภายในประเทศและ 7 แห่งในต่างประเทศ ด้วยจำนวนห้องพัก 7,340 ห้อง บริษัทมีโรงแรมของตนเองทั้งสิ้น 15 แห่ง โดย 1 แห่งเป็นเจ้าของในลักษณะของการร่วมทุน และ 1 แห่งอยู่ภายใต้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของคิดเป็นสัดส่วน 52% ของจำนวนห้องทั้งหมด โดยบริษัทบริหารงานโรงแรมภายใต้แบรนด์ “เซ็นทารา” และ “เซ็นทรา”

บริษัทดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้การบริหารงานของบริษัทในเครือคือ บริษัท เซ็นทรัลเรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) โดยปัจจุบัน CRG ให้บริการอาหารบริการด่วนจำนวน 12 แบรนด์ ซึ่งประกอบด้วยร้านอาหารภายใต้แฟรนไชส์จากต่างประเทศหลากหลายแบรนด์ และแบรนด์ของบริษัทเองคือ “ริว ชาบู ชาบู” และ “เดอะ เทอเรส” ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหารรวมทั้งหมด 681 แห่งทั่วประเทศ

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารคิดเป็นสัดส่วน 54%-58% ของรายได้รวมทั้งหมด ในขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจโรงแรม โดยปกติบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากโรงแรมคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมายกเว้นในบางปีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้

ความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีอิทธิพลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเผชิญความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 19.8% ในปี 2554 และ 16.8% ในปี 2555 และเพิ่มขึ้น 19.0% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 63.9% ในปี 2554 เป็น 69.9% ในปี 2555 และอยู่ที่ระดับ 84.3% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ทั้งนี้ จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อัตราการเข้าพักโรงแรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 58.0% ในปี 2554 เป็น 60.9% ในปี 2555 และอยู่ที่ระดับ 70.5% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ส่วนอัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ของบริษัท (Revenue Per Available Room -- RevPAR) โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2,339 บาทต่อวันในปี 2554 เป็น 2,617 บาทต่อวันในปี 2555 และ 4,311 บาทต่อวันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวบางส่วนเกิดจากราคาที่สูงขึ้นของห้องพักของโรงแรมใหม่ของบริษัทที่เปิดให้บริการ

ในปี 2555 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 29% สู่ระดับ 14,504 ล้านบาทเนื่องจากรายได้จากธุรกิจอาหารและโรงแรมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2555 รายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น 28% จากการรวมผลประกอบการของร้านอาหารญี่ปุ่น “โอโตยะ” ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 32% จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและการรับรู้ผลประกอบการของโรงแรมใหม่หลายแห่งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ รายได้รวมของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน สู่ระดับ 4,420 ล้านบาท อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจากระดับ 18.6% ในปี 2554 เป็น 19.6% ในปี 2555 และอยู่ที่ระดับ 26.9% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เนื่องจากการปรับปรุงอัตรากำไรในธุรกิจโรงแรมและเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจาก 1,548 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 2,344 ล้านบาทในปี 2555 และอยู่ที่ระดับ 1,087 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 14.4% ในปี 2554 เป็น 17.6% ในปี 2555 และอยู่ที่ระดับ 7.8% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.9 เท่าในปี 2554 เป็น 5.5 เท่าในปี 2555 และอยู่ที่ระดับ 8.3 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 โดย ณ เดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ประมาณ 2,000 ล้านบาท

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการขยายตัวในธุรกิจโรงแรม โดยบริษัทใช้เงินทุนมากกว่า 14,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนและก่อสร้างโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น กรุงเทพฯ กระบี่ พัทยา ภูเก็ต และเกาะมัลดีฟ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มถึงจุดสูงสุดที่ระดับ 65% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 แต่ลดลงสู่ระดับ 57.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นบางส่วนจากการตีค่ามูลค่าสินทรัพย์ ในระยะปานกลางคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงเนื่องจากเงินทุนจากการดำเนินงานเพียงพอที่จะใช้ในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเพื่อให้บรรลุกลยุทธ์ในการเติบโต ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะบริหารจัดการแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและสามารถรักษาโครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CENTEL163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
CENTEL163B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ