กรุงเทพ--17 ต.ค.--ทริส
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2540 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศทบทวนผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 560 ล้านบาท ของบริษัท ไทยโมเดิร์นพลาสติค อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) โดยผลอันดับเครดิตลดลงในระดับ "B" จากเดิมที่ระดับ "BBB"
ทริสกล่าวว่า ผลอันดับเครดิตที่ลดลงเกี่ยวเนื่องกับปัญหาสภาพคล่องในระยะสั้นของบริษัทอันสืบเนื่องมาจากภาวะความยากลำบากทางการเงิน และการดำเนินงานที่เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศ รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสะท้อนภาวะความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทที่สูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในอดีตซึ่งเป็นผลมาจาก ปัจจัยพื้นฐานอุตสาหกรรมที่อ่อนลง นโยบายการเงินเชิงรุกจากการใช้เงินกู้ยืมในสัดส่วนที่สูง และการไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงในส่วนของเงินกู้ยืมสกุลต่างประเทศซึ่งคิดเป็นประมาณ 75% ของเงินกู้ยืมทั้งหมด อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีการแข่งขันสูงและมีผู้ผลิตจำนวนมากเนื่องมาจากมีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่ต่ำ นอกจากนี้ความเสี่ยงทางธุรกิจเกิดบรรจุภัณฑ์ที่สามารถทดแทนกันได้ ในขณะที่การแกว่งตัวของราคาเม็ดพลาสติกก่อให้เกิดความแปรปรวน ในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับ 20% ต่อปี ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าคาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 10-12% อันเนื่องจากกำลังซื้อและความต้องการที่ลดลง อันดับเครดิตที่ต่ำลงยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำการตลาด ช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขวาง ฐานลูกค้าที่กระจายและคุณภาพที่สูงของสินค้า ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 50% โดยเน้นบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 85% ของรายได้ บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางด้านต้นทุนด้วยการผลิตที่ครบวงจร เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม และการประหยัดต่อขนาดการผลิต โดยที่สินค้าที่หลากหลายและฐานลูกค้าที่กระจายช่วยให้บริษัทลดการพึ่งพิงกับลูกค้ารายใดรายหนึ่งและช่วยลดความผันผวนของรายได้
ทริสวิเคราะห์ว่า สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยมีผลกระทบกับยอดขายของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลักภาระทางด้านต้นทุน และราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้นไปสู่ลูกค้าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายคาดว่าจะลดลงอยู่ในช่วง 20% เนื่องจากผลของราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของค่าเงินบาทที่ลดลง นอกจากนั้นบริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งกว่า 75% ของหนี้สินรวมเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระหนี้เป็นจำนวนมาก อัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ประมาณ 65-70% โดยที่ความเพียงพอของกระแสเงินจะลดลงเป็น 7-12% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากการที่ต้องเผชิญกับระยะเวลาในการเก็บหนี้และหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นแล้วบริษัทยังต้องประสบกับปัญหาความยืดหยุ่นทางการเงินเมื่อเจ้าหนี้จำนวนมากไม่ต้องการต่ออายุเงินกู้ยืม และจัดหาเงินทุนตามที่บริษัทต้องการได้ในภาวะการเงินที่ตึงตัวเช่นนี้ หากบริษัทไม่สามารถบรรเทาปัญหาทางการเงินเนื่องจากการขาดสภาพคล่องได้ในระยะเวลาอันสั้น ตัวชี้วัดทางการเงินโดยรวมและอันดับเครดิตของบริษัทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้อันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทใช้แทนประกาศ "เครดิตพินิจ" ของทริสเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นผลมาจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากแบบตะกร้าเงินเป็นแบบลอยตัวอันมีความหมายของการลดค่าเงินบาท--จบ--
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2540 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศทบทวนผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 560 ล้านบาท ของบริษัท ไทยโมเดิร์นพลาสติค อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) โดยผลอันดับเครดิตลดลงในระดับ "B" จากเดิมที่ระดับ "BBB"
ทริสกล่าวว่า ผลอันดับเครดิตที่ลดลงเกี่ยวเนื่องกับปัญหาสภาพคล่องในระยะสั้นของบริษัทอันสืบเนื่องมาจากภาวะความยากลำบากทางการเงิน และการดำเนินงานที่เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศ รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสะท้อนภาวะความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทที่สูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในอดีตซึ่งเป็นผลมาจาก ปัจจัยพื้นฐานอุตสาหกรรมที่อ่อนลง นโยบายการเงินเชิงรุกจากการใช้เงินกู้ยืมในสัดส่วนที่สูง และการไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงในส่วนของเงินกู้ยืมสกุลต่างประเทศซึ่งคิดเป็นประมาณ 75% ของเงินกู้ยืมทั้งหมด อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีการแข่งขันสูงและมีผู้ผลิตจำนวนมากเนื่องมาจากมีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่ต่ำ นอกจากนี้ความเสี่ยงทางธุรกิจเกิดบรรจุภัณฑ์ที่สามารถทดแทนกันได้ ในขณะที่การแกว่งตัวของราคาเม็ดพลาสติกก่อให้เกิดความแปรปรวน ในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับ 20% ต่อปี ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าคาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 10-12% อันเนื่องจากกำลังซื้อและความต้องการที่ลดลง อันดับเครดิตที่ต่ำลงยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำการตลาด ช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขวาง ฐานลูกค้าที่กระจายและคุณภาพที่สูงของสินค้า ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 50% โดยเน้นบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 85% ของรายได้ บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางด้านต้นทุนด้วยการผลิตที่ครบวงจร เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม และการประหยัดต่อขนาดการผลิต โดยที่สินค้าที่หลากหลายและฐานลูกค้าที่กระจายช่วยให้บริษัทลดการพึ่งพิงกับลูกค้ารายใดรายหนึ่งและช่วยลดความผันผวนของรายได้
ทริสวิเคราะห์ว่า สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยมีผลกระทบกับยอดขายของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลักภาระทางด้านต้นทุน และราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้นไปสู่ลูกค้าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายคาดว่าจะลดลงอยู่ในช่วง 20% เนื่องจากผลของราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของค่าเงินบาทที่ลดลง นอกจากนั้นบริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งกว่า 75% ของหนี้สินรวมเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระหนี้เป็นจำนวนมาก อัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ประมาณ 65-70% โดยที่ความเพียงพอของกระแสเงินจะลดลงเป็น 7-12% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากการที่ต้องเผชิญกับระยะเวลาในการเก็บหนี้และหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นแล้วบริษัทยังต้องประสบกับปัญหาความยืดหยุ่นทางการเงินเมื่อเจ้าหนี้จำนวนมากไม่ต้องการต่ออายุเงินกู้ยืม และจัดหาเงินทุนตามที่บริษัทต้องการได้ในภาวะการเงินที่ตึงตัวเช่นนี้ หากบริษัทไม่สามารถบรรเทาปัญหาทางการเงินเนื่องจากการขาดสภาพคล่องได้ในระยะเวลาอันสั้น ตัวชี้วัดทางการเงินโดยรวมและอันดับเครดิตของบริษัทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้อันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทใช้แทนประกาศ "เครดิตพินิจ" ของทริสเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นผลมาจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากแบบตะกร้าเงินเป็นแบบลอยตัวอันมีความหมายของการลดค่าเงินบาท--จบ--