ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน และแนวโน้ม “บ. เบทาโกร” ที่ “A/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday October 25, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และกลยุทธ์ในการเติบโตโดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ และการขยายธุรกิจในรูปแบบการร่วมทุน ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงราคาสินค้าเกษตรซึ่งมีความผันผวนเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนความเสี่ยงจากโรคระบาด สภาพภูมิอากาศ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้าด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้ต่อไป โดยรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปจะช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทได้บางส่วน

บริษัทเบทาโกรก่อตั้งในปี 2510 โดยกลุ่มตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ ปัจจุบันมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ณ เดือนเมษายน 2556 ตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในบริษัททั้งโดยตรงในสัดส่วน 14.33% ของหุ้นทั้งหมด และถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทแม่คือ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด อีก 69.45% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 7 สาย ประกอบด้วย ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกร ธุรกิจอาหาร ธุรกิจเครือภูมิภาค ธุรกิจสุขภาพสัตว์และเทคโนโลยี และธุรกิจต่างประเทศ ระหว่างปี 2551-2555 รายได้จากธุรกิจไก่มีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็น 39% ของรายได้รวมของบริษัท รองลงมาคือธุรกิจอาหารสัตว์ (37%) และธุรกิจสุกร (15%) รายได้จากการขายภายในประเทศคิดเป็น 86% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2555 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 14%

ตั้งแต่การร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2523 บริษัทก็ยังคงดำเนินนโยบายการร่วมทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนกับหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่น การขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุนนอกจากจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสำหรับการส่งออกแล้วยังเป็นประโยชน์แก่บริษัทในการปรับปรุงการดำเนินงานและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการเลื้ยงสุกร SPF (Specific Pathogen Free) ซึ่งเป็นการเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรคและสารตกค้าง ผลสำเร็จจากการร่วมทุนทำให้บริษัทเติบโตโดยลำดับจนเป็นผู้นำในการผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงในประเทศไทยและมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 3 ในธุรกิจเนื้อไก่ ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจไก่และสุกรแบบครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์ไปจนถึงการแปรรูปเนื้อไก่และสุกรเป็นอาหารสำเร็จรูป การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทมีมาตรฐานในระดับสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ ตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศประชาคมยุโรป โดยสินค้าที่ส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นการส่งออกผ่านทางผู้ร่วมทุนของบริษัท

บริษัทให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างตราสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์พื้นฐานของบริษัทซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ในระหว่างปี 2551-2555 ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นสัดส่วน 15%-18% ของยอดขายรวมของบริษัทในแต่ละปี สำหรับตลาดในประเทศนั้น บริษัทได้พัฒนา

ช่องทางการจำหน่ายของตนเองผ่าน “ร้านเบทาโกร” เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและร้านอาหาร โดย ณ เดือนธันวาคม 2555 บริษัทมีร้านเบทาโกร 97 สาขาทั่วประเทศและมีเป้าหมายจะเปิดเพิ่มเป็น 127 สาขาภายในปี 2557

ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมไก่และสุกรต่างได้รับอานิสงส์จากราคาเนื้อสัตว์บกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2554 ส่งผลให้ผู้ผลิตหลายรายขยายกำลังการผลิตจนทำให้เนื้อสัตว์บกเกิดปัญหาอุปทานล้นตลาดและราคาตกต่ำในปีต่อมา ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยระบุว่า ราคาเฉลี่ยไก่เนื้อในปี 2555 ปรับตัวลดลง 21% เมื่อเทียบกับปี 2554 และราคาเฉลี่ยสุกรขุนปรับตัวลดลง 16% ในช่วงเวลาเดียวกัน ในขณะที่เหตุการณ์ภัยแล้งในประเทศสหรัฐอเมริกาส่งผลให้ราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์พบว่า ราคากากถั่วเหลืองนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคา 14.3 บาท/กก. ในเดือนธันวาคม 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 19.1 บาท/กก. ในเดือนธันวาคม 2555 หรือเพิ่มขึ้นเท่ากับ 34%

แม้ราคาเนื้อสัตว์บกจะลดลง แต่รายได้รวมของบริษัทในปี 2555 ยังคงเพิ่มขึ้น รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% เท่ากับ 64,632 ล้านบาทในปี 2555 จาก 58,850 ล้านบาทในปี 2554 อย่างไรก็ตาม ราคาไก่และสุกรที่ลดลง ประกอบกับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นส่งผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2555 ลดลงเท่ากับ 7.6% เทียบกับ 11.2%-14.6% ในช่วงปี 2551-2554 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 2,158 ล้านบาทในปี 2555 ลดลง 62% เมื่อเทียบกับ 5,656 ล้านบาทในปี 2554 ฐานะการเงินของบริษัทในปี 2555 อ่อนแอลง และภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 8,355 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 14,499 ล้านบาทในปี 2555 เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนต่อเนื่อง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 63.0% ณ สิ้นปี 2555 จากระดับ 48.5% ณ สิ้นปี 2554

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 รายได้รวมของบริษัทเท่ากับ 35,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักคือ การเพิ่มขึ้นของราคาสัตว์บกเนื่องจากอุปทานที่ลดลงส่วนหนึ่งจากการที่กลุ่มสหฟาร์มที่เป็นผู้ผลิตไก่รายใหญ่ของไทยประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน รายได้ที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตของบริษัท รวมถึงคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากตลาดส่งออก ฐานะการเงินของบริษัทฟื้นตัวในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 9.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.6% ในปี 2555 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 เท่ากับ 1,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับ 1,468 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเป็น 60.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 จากระดับ 63.0% ณ สิ้นปี 2555

บริษัทมีแผนลงทุนประมาณปีละ 2,000-4,000 ล้านบาทในช่วงปี 2556-2558 เพื่อขยายกำลังการผลิตทั้งในธุรกิจฟาร์ม โรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป รวมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยบริษัทจะใช้เงินทุนส่วนใหญ่จากเงินสดจากการดำเนินงาน ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับปานกลางในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTG14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
BTG16NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BTG164A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BTG18NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BTG183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BTG184A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ