ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. เหมราชพัฒนาที่ดิน” ที่ “A-” และเปลี่ยนแนวโน้มเป็น “Positive” จาก “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday November 15, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” หรือ “คงที่” เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่สูงขึ้นในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและสัดส่วนรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและไฟฟ้า ทั้งนี้ อันดับเครดิต “A-” ยังคงสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งทางธุรกิจและสัดส่วนรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้น โดยอันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถคงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับประมาณ 50% เอาไว้ได้ แม้บริษัทจะมีการลงทุนจำนวนมากตามแผน สถานะทางการเงินที่อ่อนแอลงก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องปรับลดอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทลงในอนาคต

บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2535 ณ เดือนเมษายน 2556 กลุ่มตระกูลหอรุ่งเรืองถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 18.06% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นอกจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการให้บริการสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังได้ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าหลายโครงการ ในช่วงปี 2553-2555 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 60%-70% ของรายได้รวม ส่วนรายได้ที่เหลือ 30%-40% เป็นรายได้ประจำซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าโรงงาน

บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่งในประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และสระบุรี ด้วยพื้นที่รวมทั้งหมด 39,109 ไร่ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 มีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 605 ราย ซึ่ง 35% เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 14% เป็นลูกค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 บริษัทมีพื้นที่เหลือขาย 7,526 ไร่ โดยประมาณ 75% อยู่ในจังหวัดระยอง

ในปี 2555 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้เป็นประวัติการณ์ โดยขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ถึง 2,317 ไร่ เพิ่มขึ้นจาก 1,670 ไร่ในปี 2554 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ รายงานของ CB Richard Ellis (CBRE) ระบุว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 9,528 ไร่ในปี 2555 จาก 5,757 ไร่ในปี 2554 ส่วนแบ่งทางการตลาดในการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดย CBRE รายงานว่าบริษัทขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้มากเป็นอันดับหนึ่งในปี 2551 และปี 2554 ส่วนแบ่งทางการตลาดในการขายที่ดินของบริษัทในระหว่างปี 2551-2555 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 26% ของจำนวนการขายทั้งหมดของที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ในขณะที่บริษัทที่ขายที่ดินจำนวนมากในอันดับต้น ๆ อีกรายหนึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 27% ในช่วงเดียวกัน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทสามารถขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ 1,978 ไร่ ถือว่ามากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศในช่วงดังกล่าว

รายได้ประจำของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายสาธารณูปโภคและค่าบริการอื่นเพิ่มขึ้น 26.0% จากปี 2554 เป็น 2,170 ล้านบาทในปี 2555 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 รายได้ประจำยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,912 ล้านบาท ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตคือจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าเดิมในนิคมอุตสาหกรรม รายได้จากการขายสาธารณูปโภคซึ่งคิดเป็น 60%-67% ของรายได้ประจำเพิ่มขึ้น 19.7% ในปี 2555 เป็น 1,391 ล้านบาทและยังคงเพิ่มขึ้นอีก 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,174 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 รายได้จากธุรกิจโรงงานให้เช่าซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20%-25% ของรายได้ประจำก็มีการเติบโตที่ดี โดยพื้นที่เช่าในปี 2555 เพิ่มขึ้น 76,771 ตารางเมตร (ตร.ม.) เติบโต 48.3% เมื่อเทียบกับปี 2554 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 48,476 ตร.ม. ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 20.6% เมื่อเทียบจากพื้นที่เช่าในช่วงสิ้นปี 2555 ในระหว่างปี 2555 บริษัทได้ขยายธุรกิจให้เช่าโดยการพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าใกล้บริเวณอีสเทอร์นซีบอร์ดและท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง บริษัทให้เช่าคลังสินค้ารวมจำนวน 72,145 ตร.ม. ณ เดือนกันยายน 2556

รายได้รวมของบริษัทในปี 2555 เพิ่มขึ้น 54% เป็น 6,399 ล้านบาท จาก 4,150 ล้านบาทในปี 2554 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นถึง 91% เป็น 3,054 ล้านบาทในปี 2555 ซึ่งเป็นผลจากการขายและโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมากในปี 2555 นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ประจำ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกน้ำท่วมที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในปลายปี 2554 อัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 46% ในปี 2555 จากระดับปกติที่ 42%-44% อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวสูงขึ้นเป็น 37.9% ในปี 2555 จากระดับ 29%-33% ในปี 2552-2554 การเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2556 ของ บริษัท เก็คโค่วัน จำกัด (GHECO-One) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าที่บริษัทร่วมลงทุนยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของ EBITDA ของบริษัทในปี 2555 GHECO-One ให้ผลกำไรตามวิธีส่วนได้เสียรวมจำนวน 485 ล้านบาทในปี 2555 (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 36.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 6,320 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 41.1% จาก 37.9% ในปี 2555 ปัจจัยที่ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นคืออัตรากำไรจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น EBITDA ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 มีจำนวน 3,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ GHECO-One ให้กำไรตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 461 ล้านบาท (ไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้) โครงสร้างรายได้ของบริษัทแข็งแรงขึ้น ในขณะเดียวกัน ธุรกิจหลักของบริษัทก็ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี ปัจจุบันกำไรที่สม่ำเสมอจากการให้บริการสาธารณูปโภคและการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 40%-50% ของ EBITDA รวม

ภาระหนี้ของบริษัทสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2553 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 51.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 จาก 32.4% ในปี 2552 อันเป็นผลจากการกู้ยืมเพื่อการลงทุนใน GHECO-One ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์ แม้ว่าหนี้เงินกู้จะเพิ่มขึ้น แต่สภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (Interest Coverage Ratio) ยังอยู่ในระดับสูงที่ 6.8 เท่าในปี 2555 และ 6.7 เท่าใน 9 เดือนแรกของปี 2556 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ในระดับที่ดีเช่นกันที่ 17.4% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ในระหว่างปี 2556-2557 บริษัทมีแผนลงทุนจำนวนมากรวมมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วย การพัฒนาที่ดินใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม การขยายธุรกิจโรงงานให้เช่า และการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer -- SPP) อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะขายโรงงานให้เช่าเพื่อรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัท

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
HEMRAJ16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
HEMRAJ217A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
HEMRAJ231A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ