ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB” จากเดิมที่ระดับ “BBB+” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” การปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงของธุรกิจที่สูงขึ้นจากความผันผวนของราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในตลาดต่างประเทศและความคาดหมายว่าบริษัทน่าจะใช้เวลานานกว่าที่คาดในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่โครงสร้างเงินทุน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย รวมถึงการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง และฐานลูกค้าที่กระจายตัวกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของราคาก๊าซ LPG และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบในประเทศไทย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะในการเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศไทยเอาไว้ได้ รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศน่าจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นต่อผลประกอบการรวมของบริษัท และคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะอยู่ในระดับไม่เกิน 60% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ก่อตั้งในปี 2544 โดยกลุ่มตระกูลวีรบวรพงศ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2551 โดย ณ เดือนสิงหาคม 2556 กลุ่มตระกูลวีรบวรพงศ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทในสัดส่วน 71%
บริษัทเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศไทย การดำเนินธุรกิจในประเทศของบริษัทประกอบด้วยการค้าก๊าซ LPG ภายใต้ตราสัญลักษณ์ “สยามแก๊ส” และ “ยูนิคแก๊ส” ซึ่ง ณ เดือนมิถุนายน 2556 กลุ่มบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามปริมาณการขาย LPG อยู่ที่ 26% รองจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 36% บริษัทมีโครงข่ายการกระจายสินค้าทั่วประเทศที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนมิถุนายน 2556 บริษัทมีคลังเก็บก๊าซ LPG จำนวน 7 แห่ง โรงบรรจุก๊าซ LPG จำนวน 178 แห่ง และสถานีบริการก๊าซ LPG สำหรับยานยนต์จำนวน 551 สถานี นอกจากนี้ บริษัทยังมีระบบขนส่งที่หลากหลาย โดยให้บริการขนส่งสินค้าทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อสนับสนุนธุรกิจค้าก๊าซ LPG ของบริษัทด้วย ที่ผ่านมา ปริมาณจำหน่ายก๊าซ LPG ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยอยู่ที่ประมาณ 0.61 ล้านตันในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 และประมาณ 1.25 ล้านตันสำหรับปี 2555 สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ปริมาณการขายก๊าซ LPG ของบริษัทแบ่งเป็นการขายให้กับกลุ่มครัวเรือน 61% ของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศทั้งหมด กลุ่มยานยนต์ 29% และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม 10% ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 26% ลดลงจาก 30% ในปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มยานยนต์
บริษัทขยายธุรกิจค้าก๊าซ LPG ไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 ทั้งในประเทศจีน เวียดนาม สิงค์โปร์ และมาเลเซีย บริษัทมีคลังเก็บก๊าซ LPG ในถ้ำใต้ดินที่ประเทศจีนด้วยขนาดบรรจุทั้งสิ้น 300,000 ตันและมีคลังลอยน้ำที่ประเทศสิงค์โปร์ขนาดบรรจุ 45,000 ตันเพื่อสนับสนุนการค้าก๊าซ LPG ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2555 ปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 0.87 ล้านตัน คิดเป็น 41% ของยอดจำหน่ายก๊าซ LPG ทั้งหมดของบริษัท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 สัดส่วนการค้าก๊าซ LPG ในต่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 54% ซึ่งมากกว่าสัดส่วนการจำหน่ายก๊าซในประเทศ แม้ว่าการขยายธุรกิจในต่างประเทศผ่านการซื้อกิจการจะเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจ แต่บริษัทก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความผันผวนของราคาก๊าซ LPG และการแข่งขันในตลาดโลก
จากการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายปรับราคาก๊าซ LPG โดยให้ราคาก๊าซ LPG สำหรับภาคครัวเรือนทยอยปรับเพิ่มขึ้นจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนสิงหาคม 2556 เป็น 24.82 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนตุลาคม 2556 โดยมุ่งหวังให้สะท้อนราคาของตลาดโลกมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้าเนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายได้จากการค้า LPG ในประเทศของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงได้ปริมาณกำไรเท่าเดิมเนื่องจากบริษัทจะต้องส่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นราคาให้แก่กองทุนน้ำมัน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าการขึ้นราคาก๊าซ LPG ในประเทศจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อกำไรสุทธิและเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัท
รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ยังคงสอดคล้องกับประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง แต่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่ำกว่าที่คาดการณ์ บริษัทมียอดขายเท่ากับ 47,337 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้น 24.8% จากปี 2554 และ 45,617 ล้านบาทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 คิดเป็นเพิ่มขึ้น 27.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขยายการค้าในประเทศจีนและธุรกิจ Off-shore Trading อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 4.0% ในปี 2555 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและการขาดทุนจากความผันผวนของราคาก๊าซ LPG สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานดังกล่าวลดลงเหลือ 1.4% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซ LPG ที่ลดลง โดยราคาก๊าซ LPG ที่อ้างอิง Saudi Aramco Contract Price (CP) ลดลงจาก 955 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนมกราคม 2556 เป็น 755 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนมิถุนายน 2556 ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 860 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนกันยายน 2556
อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ณ เดือนกันยายน 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเท่ากับ 58.4% บริษัทมีเงินกู้ทั้งหมดจำนวน 11,010 ล้านบาท โดยประมาณ 65% เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อก๊าซ LPG ระดับเงินกู้ของบริษัทลดลงช้ากว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจในต่างประเทศแต่ธุรกิจเหล่านั้นยังไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัทอย่างเต็มที่
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 10%-15% ตามประมาณการพื้นฐาน โดยรายได้จากการค้าในต่างประเทศน่าจะมีสัดส่วนประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด ผลประกอบการของบริษัทจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการขายและการบริหารสินค้าคงคลัง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วง 2%-5% โดยเฉลี่ย ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ระดับของอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ หากเปรียบเทียบกับอัตราส่วนหนี้สินที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่กำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้ที่ระดับไม่เกิน 2 ต่อ 1 เท่า หรือเทียบเท่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 66.7% ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนสำหรับในช่วง 3 ปีข้างหน้าน่าจะอยู่ระหว่าง 1,500-1,700 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะมากกว่า 13% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อดอกเบี้ยจ่ายนั้นน่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 4-6 เท่า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html