ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความยอมรับเป็นอย่างดีในตราสัญลักษณ์สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของบริษัทในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตลอดจนเครือข่ายสาขาและตัวแทนจำหน่ายที่กว้างขวางทั่วประเทศ ประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจให้สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ฐานลูกค้าที่กระจายตัว คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และพนักงานขายที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดีและมีความใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนโดยคุณภาพเครดิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าคณะผู้บริหารของบริษัทจะสามารถดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายเพื่อที่จะดำรงความมั่นคงของสถานะทางการตลาดของบริษัทเอาไว้ให้ได้ตามแผน อีกทั้งผลประกอบการทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและฐานะการเงินก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและคุณภาพสินเชื่อจะได้รับการควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกลุ่มโดยการขายลูกหนี้เช่าซื้อทั้งหมดแก่ บริษัท ซิงเกอร์ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ปัจจุบันบริษัทให้ความสำคัญในด้านธุรกิจการค้า (Trading) และกำลังขยายตลาดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยใช้ตราสินค้า “ซิงเกอร์” ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายควบคู่ไปกับเครือข่ายที่กว้างขวางด้วยจำนวนสาขา 211 แห่งและพนักงานขายประมาณ 3,500 คนเป็นเครื่องมือสำคัญ ในขณะที่บริษัทซิงเกอร์ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จะเป็นผู้ให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าของบริษัทที่ซื้อสินค้าภายใต้ตราสินค้า “ซิงเกอร์”
ในปี 2553 บริษัทได้กลับมาให้ความสำคัญในการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งบริษัทมีประสบการณ์ที่ยาวนานโดยใช้กลยุทธ์ขยายตลาดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดเล็ก บริษัทเพิ่มและเน้นจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ให้แก่ผู้ซื้อ เช่น ตู้แช่ เครื่องเติมเงินสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ และตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญ โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์นี้คิดเป็น 27% ของยอดขายรวมในปี 2553 41% ในปี 2554 และ 48% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมียอดบัญชีสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยมีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นเป็น 161,881 บัญชีในปี 2555 จาก 143,099 บัญชีในปี 2554 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไปจนกระทั่งในเดือนกันยายน 2556 จำนวนบัญชีก็เพิ่มขึ้นเป็น 180,988 บัญชี หรือเพิ่มขึ้น 11.8% จากปี 2555 ลูกค้าเป้าหมายกลุ่มใหม่ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กนี้จัดว่ามีคุณภาพสูงกว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มดั้งเดิมของบริษัท นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มใหม่ของบริษัทยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่ลูกค้ากลุ่มใหม่นี้ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าและยกระดับคุณภาพสินเชื่อโดยรวมได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทเพิ่งจำหน่ายสินค้ากลุ่มใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ความสำเร็จของกลยุทธ์ใหม่ที่จะช่วยให้บริษัทสร้างความมั่นคงให้แก่สถานะทางการตลาดและเพิ่มผลประกอบการยังต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ต่อไป
ลูกหนี้เช่าซื้อของบริษัทมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากบริษัทหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่และผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ โดยมูลค่าลูกหนี้เช่าซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1,164 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 2,096 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2556 บริษัทได้จัดตั้งฝ่ายควบคุมสินเชื่อขึ้นในปลายปี 2551 เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ใบสมัครสินเชื่อ และแยกอำนาจการอนุมัติสินเชื่อออกจากพนักงานขายเพื่อสร้างระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์และมาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพของลูกหนี้เช่าซื้อ ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนลูกหนี้เช่าซื้อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อลูกหนี้เช่าซื้อรวมปรับตัวดีขึ้นจากระดับสูงที่ 34.2% ในปี 2550 เป็น 4.3% ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวมีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 5.32% ในเดือนกันยายน 2556 ซึ่งคณะผู้บริหารของบริษัทอธิบายว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนลูกหนี้เช่าซื้อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อลูกหนี้เช่าซื้อรวมนั้นเกิดจากระบบจัดเก็บเงินใหม่ซึ่งเปลี่ยนรอบการตัดบัญชีในแต่ละเดือน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจะติดตามตรวจสอบอัตราส่วนลูกหนี้เช่าซื้อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อลูกหนี้เช่าซื้ออย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนดังกล่าวไม่ได้มีสาเหตุมาจากคุณภาพของลูกหนี้เช่าซื้อที่ถดถอยลง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทเน้นจำหน่ายสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะเท่านั้น ทริสเรทติ้ง คาดหวังว่าบริษัทจะกระจายฐานลูกค้าตามประเภทสินค้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวด้วยเช่นกัน
สถานะทางการเงินของบริษัทได้รับผลกระทบในปี 2549 และ 2550 จากหนี้เสียจากสินเชื่อรถจักรยานยนต์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ฐานทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงเป็น 624 ล้านบาทในปี 2550 จาก 2,299 ล้านบาทในปี 2548 บริษัทได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟูธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กระบวนการและเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อให้มากขึ้น การเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเก็บเงิน การลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ไม่จำเป็น และการขยายประเภทสินค้าและฐานลูกค้า ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 89 ล้านบาทในปี 2553 จากที่มีผลขาดทุน 10 ล้านบาทในปี 2552 และปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 142 ล้านบาทในปี 2554 และ 226 ล้านบาทในปี 2555 บริษัทบันทึกกำไรสุทธิ 277 ล้านบาทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้น 52% จากช่วงเดียวกันในปี 2555 ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับเพิ่มเป็น 11.3% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 จาก 9.2% ในปี 2555 และ 6.6% ในปี 2554 ผลจากการปรับตัวดีขึ้นของความสามารถในการทำกำไรทำให้ฐานทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,389 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2556 จาก 1,193 ล้านบาทในปี 2555 และ 981 ล้านบาทในปี 2554 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเป็น 39.1% ในปี 2555 จาก 42.8% ในปี 2554 และ 49.3% ในปี 2553 อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 46.9% ในเดือนกันยายน 2556 อัตราส่วน ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่เพียงพอให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้ ในปี 2555 บริษัทได้ชำระหนี้เงินกู้ทั้งหมดภายใต้สัญญาปรับปรุงการชำระหนี้ด้วยการใช้เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ การชำระหนี้ดังกล่าวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทเนื่องจากภายใต้สัญญาปรับปรุงการชำระหนี้นั้นบริษัทจะไม่สามารถระดมทุนโดยการกู้ยืมได้ใหม่หากปราศจากความยินยอมจากเจ้าหนี้ส่วนใหญ่
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html