ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน และแนวโน้ม “บ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 9, 2014 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ตลอดจนการมีโรงภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีทั่วประเทศ และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ปริมาณของภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ การแข่งขันจากกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ และการแพร่ระบาดของวิดีโอซีดี/ดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดในธุรกิจโรงภาพยนตร์และรักษาผลประกอบการให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเอาไว้ได้ โดยที่การลงทุนในอนาคตหรือการจ่ายเงินปันผลจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัทอย่างรุนแรงด้วย

บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 70% โดยพิจารณาจากรายได้รวมของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสัปดาห์แรก บริษัทก่อตั้งในปี 2538 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 36% บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ สื่อและโฆษณา การให้เช่าพื้นที่และบริการ รวมถึงการจัดจำหน่ายวิดีโอซีดี/ดีวีดีและลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากธุรกิจโรงภาพยนตร์และธุรกิจโฆษณา โดยรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์คิดเป็น 69% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโฆษณาคิดเป็น 14% สำหรับธุรกิจอื่น ๆ อีก 3 ประเภทต่างก็มีรายได้คิดเป็นประมาณ 6% ของรายได้ทั้งหมด

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 บริษัทดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ 64 แห่ง โดยมีจำนวนจอภาพยนตร์ทั้งสิ้น 449 จอ และที่นั่ง 107,488 ที่นั่ง ณ ปัจจุบันบริษัทมีโรงภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 31 แห่งและในต่างจังหวัด 33 แห่ง มีสาขาโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ 22 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโบว์ลิ่ง 382 ราง ห้องคาราโอเกะ 246 ห้อง และลานสเกตน้ำแข็ง 3 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังบริหารจัดการพื้นที่ให้เช่าขนาด 57,376 ตารางเมตร (ตร.ม.) ด้วย นอกจากโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่บริษัทได้เปิดดำเนินการเอง 5 แห่งแล้ว บริษัทยังขยายโรงภาพยนตร์ไปตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่โดยใช้ตราสัญลักษณ์หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าหลาย ๆ กลุ่มด้วย

ผลประกอบการของบริษัทได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์และมีโรงภาพยนตร์จำนวนมากครอบคลุมทั่วประเทศ โดยรายได้จากการเข้าชมภาพยนตร์ขึ้นอยู่กับจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉายรวมถึงคุณภาพและความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ด้วย โดยการชมภาพยนตร์ในโรงเป็นรูปแบบความบันเทิงที่มีราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การชมภาพยนตร์ในโรงก็มีความเสี่ยงจากการทดแทนโดยความบันเทิงในรูปแบบอื่น ๆ เช่น กิจกรรมความบันเทิงภายในบ้าน การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การออกไปชมภาพยนตร์ในโรงยังคงเป็นวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์และยังไม่มีกิจกรรมสันทนาการใดที่สามารถทดแทนประสบการณ์จากการชมภาพยนตร์ในโรงได้อย่างสมบูรณ์

แม้ว่าจะมีจำนวนภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมจำนวนน้อยกว่าปี 2554 กระนั้น ในปี 2555 บริษัทก็ยังมีรายได้รวมถึง 6,965 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากรายได้จากธุรกิจโฆษณาและการขายอาหารว่างและเครื่องดื่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นสำคัญ สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา คิดเป็น 5,915 ล้านบาทจากการมีรายได้จากการฉายภาพยนตร์ที่ดีขึ้นอย่างมากทั้งภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์จากฮอลลีวูด เช่น พี่มากพระโขนง Iron Man 3 และ The Fast and Furious 6 และรายได้จากธุรกิจโฆษณาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 29% ในปี 2553-2554 แต่ลดลงสู่ระดับ 24.9% ในปี 2555 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงในธุรกิจการจัดจำหน่ายวิดีโอซีดี/ดีวีดีและลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ตลอดจนการให้เช่าพื้นที่และบริการ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 29% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจโฆษณาและการขายอาหารว่างและเครื่องดื่มเติบโตขึ้น บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจภาพยนตร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายทั้งหมด ส่วนธุรกิจโฆษณาสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่ำ

หนี้สินรวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 2,852 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 สู่ระดับ 4,358 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 โดยบริษัทนำเงินที่ได้รับจากการกู้ยืมมาใช้ในการขยายสาขา ติดตั้งจอระบบดิจิตัล ในโรงภาพยนตร์ และซื้อหุ้นของ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คืนจากประชาชน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 55.8% ในปี 2555 สู่ระดับ 58.4% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 โดยระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยในระยะปานกลาง โดยการลงทุนในจอระบบดิจิตัลจะได้รับการช่วยเหลือบางส่วนจากผู้ผลิตภาพยนตร์ในระยะปานกลาง บริษัทมีแผนการขยายจำนวนจอภาพยนตร์อีกไม่น้อยกว่า 50 จอในช่วง 3 ปี โดยจะจัดสรรงบลงทุนประมาณปีละ 600 ล้านบาท สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าเงินทุนจากการดำเนินงานจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 1,558 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 1,347 ล้านบาทในปี 2555 และอยู่ที่ 1,122 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ก็ตาม อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ประมาณ 20% ในระหว่างปี 2555 ถึงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.8 เท่าในปี 2555 เป็น 4.6 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                    A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MAJOR165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	    A-
MAJOR178A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560	    A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ