ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำตลาดของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายของประเทศ ตลอดจนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปริมาณงานที่ยังไม่ส่งมอบจำนวนมากและหลากหลาย และผลงานที่ได้รับการยอมรับมานานทั้งจากลูกค้าภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจทำให้การประมูลโครงการใหม่ของภาครัฐเกิดความล่าช้าขึ้นได้ นอกจากนี้ จุดแข็งของบริษัทยังถูกลดทอนลงจากความเสี่ยงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีความผันผวนและเป็นวงจรขึ้นลงด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานต่อไป นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำรงความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อลดทอนความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนการก่อสร้างและ/หรือจากปัญหาต้นทุนโครงการที่สูงเกินประมาณการเนื่องจากความล่าช้าของโครงการและจากปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึง
บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นก่อตั้งในปี 2505 โดยกลุ่มตระกูลชาญวีรกุล และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2535 บริษัทเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในโครงการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชนโดยได้รับใบอนุญาตประเภทผู้รับเหมาชั้นหนึ่งจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง บริษัทเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาเพียงไม่กี่รายที่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้นในการได้รับสิทธิเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เมื่อพิจารณาจากผลงานที่ได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากสถาบันการเงินหลายแห่งแล้วน่าจะทำให้บริษัทมีโอกาสชนะการประมูลโครงการขนาดใหญ่ในอนาคตอีกหลายโครงการ นอกเหนือจากงานก่อสร้างสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังมีความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมี และยังมีความสามารถในการรับงานท่อและงานประกอบและติดตั้งโครงสร้างเหล็กด้วย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 3 โรงซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมดมากกว่า 20,000 ล้านบาท
ณ เดือนกันยายน 2556 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 58,511 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 33.2% จาก 43,930 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 ซึ่งมูลค่าของงานที่ยังไม่ส่งมอบคิดเป็น 3 เท่าของรายได้ของบริษัทในปี 2555 ทั้งนี้ มูลค่างานในมือจำนวนมากจะเป็นหลักประกันรายได้ให้แก่บริษัทอย่างน้อยในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยประมาณ 47% ของมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบเป็นงานก่อสร้างสาธารณูปโภค อีก 30% เป็นงานก่อสร้างอาคาร และ 19% เป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า รายได้ของบริษัทในปี 2555 อยู่ที่ 19,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากปี 2554 ในขณะที่รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 16,328 ล้านบาทจาก 14,429 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 ทั้งนี้ รายได้จากงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าคิดเป็น 40%-47% ของรายได้ในปี 2555 ตลอดจนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ส่วนรายได้จากงานก่อสร้างสาธารณูปโภคอยู่ที่ 43% ของรายได้รวมในช่วงเดียวกัน
สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงเข้มแข็งซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและระดับภาระหนี้สินที่ต่ำของบริษัท บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ที่ระดับ 7%-9% ในช่วงปี 2553-2556 โดยเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2551 และ 6% ในปี 2552 การที่บริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานและมีอำนาจต่อรองกับผู้จัดหาวัตถุดิบน่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10% มาตั้งแต่ปี 2552 ส่วนสภาพคล่องก็อยู่ในระดับสูง บริษัทมีการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ไม่มากประกอบกับความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานก็ไม่สูงมากนัก เนื่องจากบริษัทมีเงินทุนดำเนินงานบางส่วนจากเงินรับล่วงหน้าตามสัญญาก่อสร้างจากเจ้าของโครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถสั่งวัสดุอุปกรณ์ล่วงหน้าโดยใช้เครดิตของผู้จัดส่งวัสดุอุปกรณ์ได้ด้วย
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 20,000-25,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2559 และยังคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 7% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยเงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 1,200-1,500 ล้านต่อปีในปี 2556-2559 ทั้งนี้ อันดับเครดิต ณ ปัจจุบันของบริษัทได้พิจารณาถึงกรณีที่บริษัทอาจมีการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีเงินสดสุทธิหลังหักภาระหนี้คงเหลือจำนวนมาก บริษัทจึงยังมีความสามารถในการก่อหนี้สำหรับการลงทุนในอนาคตได้ระดับหนึ่ง โดยคาดว่าแม้บริษัทจะลงทุนโดยใช้เงินกู้ยืม บริษัทก็ยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่าระดับ 30% ไว้ได้
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html