ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ระดับ “BBB-” พร้อมเปลี่ยนแนวโน้มเป็น “Stable” จาก “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 19, 2014 17:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยบริษัทวางแผนจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้และขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น เป็น “Stable” หรือ “คงที่” จากเดิม “Negative” หรือ “ลบ” ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดีขึ้นภายหลังการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเพิ่มความสามารถของบริษัทในการปรับใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าไม่ปรับตัวดีขึ้นตามประมาณการ

อันดับเครดิตของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่มีเทคโนโลยีโครงข่ายสื่อสารที่หลากหลาย ตลอดจนความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) และธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก รวมทั้งความคาดหวังว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะยังคงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก รวมถึงค่าใช้จ่ายและการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมากเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และภาระหนี้จำนวนมากของบริษัท

บริษัทก่อตั้งในปี 2533 และมีธุรกิจหลัก 3 กลุ่มซึ่งประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ (TrueOnline) ซึ่งให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ กลุ่มธุรกิจทรูโมบาย (True Mobile) ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกลุ่มธุรกิจทรูวิชั่นส์ (TrueVisions) ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก บริษัทมีรายได้ในปี 2555 อยู่ที่ 8.94 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้บริษัทในสัดส่วน 26% 63% และ 11% ตามลำดับ ในขณะที่สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 60% 29% และ 12% ตามลำดับ

บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของกลุ่มทรูออนไลน์สะท้อนจากสัดส่วนทางการตลาดทั่วประเทศจากรายได้การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงประมาณ 39% และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 68% บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่ที่สุด รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลำดับที่ 3 ของประเทศด้วย ณ เดือนกันยายน 2556 กลุ่มธุรกิจทรูวิชั่นส์มีลูกค้าที่เป็นสมาชิกรายเดือนประมาณ 747,000 ราย และที่ไม่เป็นสมาชิกรายเดือนประมาณ 1.6 ล้านราย ส่วนกลุ่มทรูโมบายมีสัดส่วนรายได้ทางการตลาดจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ประมาณ 16% ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายจะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคม 2556 เครือเจริญโภคภัณฑ์มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทประมาณ 63%

สถานะทางการเงินของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง บริษัทมีรายได้ที่เติบโตในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 9% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การลงทุนในโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูโมบาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในกลุ่มทรูโมบายและกลุ่มทรูวิชั่นส์ทำให้อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย/รายได้) ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 18.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เปรียบเทียบกับ 18.7% ในปี 2555 และ 23.8% ในปี 2554

ในช่วงปี 2557-2559 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.94-1.11 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 6% ต่อปี โดยรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงบนโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน และบริการด้านข้อมูลในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก รายได้ของบริษัทมีความเสี่ยงที่จะลดลงได้ในช่วงปลายปี 2557 เมื่อระยะเวลา 1 ปีสำหรับการให้บริการของทรูมูฟหมดอายุลง ทั้งนี้ กลุ่มทรูโมบายอาจไม่สามารถโอนย้ายผู้ใช้บริการภายใต้โครงข่าย 2จี มาได้หมดและอาจทำให้รายได้ของกลุ่มทรูโมบายลดลงประมาณ 5% ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง

อัตราส่วนกำไรของบริษัทน่าจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในปี 2557 และน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 ไปอยู่ที่ระดับประมาณ 25% หลังจากที่โครงข่าย 2จี หยุดให้บริการและผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ภายใต้โครงข่าย 3จี ซึ่งมีต้นทุนใบอนุญาตที่ต่ำกว่า บริษัทน่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ประมาณ 1-1.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2557 จากนั้นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2558-2559 เนื่องจากอัตราส่วนกำไรที่ดีขึ้น สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนซึ่งรวมถึงใบอนุญาต 3จี ของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

ในเดือนธันวาคม 2556 บริษัทได้รับเงินสดสุทธิจากเงินที่นำกลับไปลงทุนในกองทุนประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาทจากการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทวางแผนที่จะใช้เงินสดที่ได้รับไปใช้ชำระคืนหนี้และขยายธุรกิจ บริษัทจะมีข้อผูกพันด้านรายจ่ายและการโอนสิทธิในการรับรายได้ให้แก่กองทุนประมาณ 5 พันล้านบาทต่อปีเป็นระยะเวลาประมาณ 12-14 ปี ทริสเรทติ้งถือว่ามูลค่าปัจจุบันของรายจ่ายผูกพันดังกล่าวที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเป็นหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ทริสเรทติ้งคาดว่าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะมีผลกระทบเชิงบวกที่จำกัดต่ออัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท แต่จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นในการจัดหาแหล่งทุนของบริษัทในอนาคต ณ เดือนกันยายน 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 95.3% ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรจากการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่ปรับดีขึ้นจะลดอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไปอยู่ที่ระดับ 70%-75% ภายในปี 2559 ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนหนี้ที่มีหลักประกันต่อสินทรัพย์ในระดับสูง

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TRUE144B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB-
TRUE14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB-
TRUE15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB-
TRUE16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB-
TRUE174A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 7,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB-
TRUE177A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 11,213 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ