ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกัน และแนวโน้ม “บ. บางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส” ที่ “AA+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 19, 2014 17:52 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันมูลค่า 1,000 ล้านบาทของ บริษัท บางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่คือ Mitsubishi UFJ Lease and Finance Co., Ltd. (MUL) ในประเทศญี่ปุ่น โดย MUL ได้รับอันดับเครดิตในระดับ “A” จาก Standard & Poor’s และ “A3” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกันซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส สะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ MUL ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. (MUFG) ซึ่ง MUL ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A” แนวโน้ม “Stable” จาก Standard & Poor’s และ “A3” แนวโน้ม “Stable” จาก Moody’s

ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการเข้าครอบงำกิจการของ MUL บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ MUL จะต้องรับข้อผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย ในกรณีที่ MUL ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ อนึ่ง ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนได้โดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้

อันดับเครดิตของ MUL ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ เกิดจากการมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่น โดย MUL มีจุดแข็ง 2 ประการ ได้แก่ 1) การเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของทั้ง MUFG และ Mitsubishi Corporation (MC) และ 2) ผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน MUL เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมลีสซิ่งของประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในเครือของ MUFG และ MC ซึ่งช่วยให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

MUL ก่อตั้งในปี 2514 ในชื่อ Diamond Lease Co., Ltd. หลังจากควบรวมกิจการกับ UFJ Central Leasing Co., Ltd. ในเดือนเมษายน 2550 แล้วจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อในปัจจุบัน หลังการควบรวมกิจการ MUL กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทลีสซิ่งขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น MUL เน้นธุรกิจลีสซิ่ง การขายผ่อนชำระ (Installment Sale) และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกี่ยวกับการเงิน MUL มีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวโดยมาจากธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) ธุรกิจซื้อขายเครื่องจักรมือสอง (Used Equipment Trade) ธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์โดยผ่านเว็บไซต์ (Asset Management Service หรือ e-Leasing direct) ธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์พร้อมบริการซ่อมบำรุง (Auto Lease) บริการสินเชื่อสำหรับกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ECO-related Service) บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Finance) ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-related Lease หรือ Symphony) ธุรกิจสินเชื่อเกี่ยวกับโครงการของภาครัฐที่ให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุน (Private Finance Initiative) และธุรกิจรับซื้อสินทรัพย์ลูกหนี้การค้า (Factoring) สำหรับงวดปีบัญชี 2556 (เมษายน 2555-มีนาคม 2556) MUL มีสินทรัพย์รวมเติบโตขึ้น 13.5% จากงวดเดียวกันของปีบัญชีก่อน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 สินทรัพย์รวมของ MUL เติบโต 4.0% จากงวดสิ้นปีบัญชี 2556 MUL มีสินทรัพย์รวม 4.3 ล้านล้านเยน ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์ให้เช่า 2.2 ล้านล้านเยน (50.7% ของสินทรัพย์รวม) เงินให้กู้ยืม 1.3 ล้านล้านเยน (30.0% ของสินทรัพย์รวม) สินทรัพย์จากสินเชื่อผ่อนชำระ 0.2 ล้านล้านเยน (5.1% ของสินทรัพย์รวม) และสินทรัพย์อื่น 0.6 ล้านล้านเยน (14.2% ของสินทรัพย์รวม) ตั้งแต่งวดปีบัญชี 2555 ปริมาณธุรกรรมใหม่ในประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ปริมาณธุรกรรมใหม่ของ MUL ที่มีมากกว่าอุตสาหกรรมเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง

การมีธุรกิจที่หลากหลายช่วยทำให้ MUL สามารถข้ามพ้นวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551 มาได้ ทั้งนี้ ในงวดปีบัญชี 2552 ผลประกอบการของ MUL ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่บริษัทยังคงมีกำไรอยู่ โดยมีกำไรสุทธิ 7.1 พันล้านเยน ลดลงจาก 30.2 พันล้านเยนในงวดปีบัญชี 2551 ผลประกอบการของ MUL ในงวดปีบัญชี 2552 ปรับลดลงค่อนข้างมากจากเงินสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นหลังจากการด้อยค่าลงอย่างมากของสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ การลดลงของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น กำไรสุทธิของ MUL ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 20.7 พันล้านเยนในปีบัญชี 2553 เป็น 25.8 พันล้านเยนในปีบัญชี 2554 และ 34.6 พันล้านเยนในปีบัญชี 2555 สำหรับงวดปีบัญชี 2556 กำไรสุทธิอยู่ที่ 36 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 4.0% จากงวดเดียวกันของปีบัญชีก่อน สำหรับ 9 เดือนแรกของงวดปีบัญชี 2557(สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2556) กำไรสุทธิอยู่ที่ 28.8 พันล้านเยน ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนเนื่องจากงวด 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2556 มีกำไรพิเศษเพียงครั้งเดียวจากการขายเงินลงทุนเข้ามา

MUL มีการใช้แหล่งเงินกู้ระยะสั้นในสัดส่วนหนึ่งซึ่งไม่สอดคล้องกับระยะเวลาของสินทรัพย์ซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวลดลงด้วยการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน (Asset Liability Management) อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ Ltd. (BTMU)

MUL ได้กำหนดแผนธุรกิจระยะกลางซึ่งเรียกว่า “Vision 2013” โดยเป้าหมายหลักของแผนดำเนินงานคือการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การให้บริการทางการเงินแก่ผู้ค้าขาย (Vendor Finance) และการซื้อและขายเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้แล้ว ความพยายามดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ MUL กลายเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรของเอเชีย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 สินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในต่างประเทศของ MUL มีรวมทั้งสิ้น 635 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นถึง 136% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 สินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในต่างประเทศของ MUL มีรวมทั้งสิ้น 756 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดือนมีนาคม 2556 และคิดเป็น 20% ของสินทรัพย์ดำเนินงานทั้งหมดของ MUL เหตุผลที่ทำให้สินทรัพย์ดำเนินงานของ MUL เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงดังกล่าวนั้นเนื่องจากการซื้อกิจการเช่าซื้อในต่างประเทศหลายแห่งซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท

จากแผนธุรกิจในปัจจุบันรวมทั้งแนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่าดำเนินงานรถยนต์ในประเทศไทย MUL ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านบริษัทลูกของตนคือบริษัทบางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส โดยบริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน บริษัทก่อตั้งในปี 2534 โดยความร่วมมือกับกลุ่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ MUL ซึ่งถือหุ้น 44% ในขณะที่ธนาคารกรุงเทพและบริษัทที่เกี่ยวข้องถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 34%

บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส ให้บริการใน 2 ธุรกิจหลัก คือ สินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการให้เช่าดำเนินงานรถยนต์พร้อมบริการซ่อมบำรุง โดยในปี 2555 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ 9,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5,322 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 หรือเพิ่มขึ้น 87% และ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ 12,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สินทรัพย์ดำเนินงานรวมของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 ประกอบด้วยเครื่องมือเครื่องจักร 83% ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ MUL ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและด้านการเงินแก่บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส ซึ่งได้แก่การให้ความรู้ในด้านธุรกิจทั้งแนวปฏิบัติในการดำเนินงานและการบริหารความเสี่ยง รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งนี้ การให้การค้ำประกันหนี้ของบริษัทรวมทั้งหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการให้การสนับสนุนด้านการเงินที่บริษัทได้รับในฐานะเป็นบริษัทลูกของ MUL การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับการให้ความสำคัญแก่กลุ่มธุรกิจต่างประเทศของ MUL โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย

บริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ