ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท “บ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่ระดับ “A/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 4, 2014 16:42 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะหมดอายุในปี 2557 และใช้ในการลงทุนของบริษัท อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดี และสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ความหลากหลายของธุรกิจและสถานที่ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากนโยบายการเติบโตและการลงทุนเชิงรุกของบริษัท ลักษณะของธุรกิจโรงแรมที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรง และอัตรากำไรที่ต่ำของธุรกิจอาหารบริการด่วนและธุรกิจจัดจำหน่าย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถดำรงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง สามารถบริหารจัดการสมดุลระหว่างการลงทุนและแหล่งเงินทุนเพื่อไม่ให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงมากจนเกินไป และเพื่อรักษาคุณภาพเครดิตของบริษัท

บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลก่อตั้งในปี 2521 โดย Mr. William Ellwood Heinecke โดยดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจโรงแรมและพัฒนาโครงการ 2) ธุรกิจอาหารบริการด่วน และ 3) ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้า ในปี 2556 รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจอาหารบริการด่วนและธุรกิจโรงแรมคิดเป็นสัดส่วน 41.3% และ 37.1% ของรายได้รวม ตามลำดับ ในขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายและธุรกิจที่อยู่อาศัยสร้างรายได้คิดเป็น 10.4% และ 9.6% ของรายได้รวม ตามลำดับ

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 โรงแรมภายใต้การบริหารของบริษัทประกอบด้วยโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ 19 แห่ง (2,753 ห้อง) โรงแรมภายใต้การร่วมทุน 16 แห่ง (896 ห้อง) โรงแรมภายใต้สัญญาบริหารโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 44 แห่ง (5,897 ห้อง) และโรงแรมภายใต้การรับจ้างบริหารจัดการ 24 แห่ง (3,254 ห้อง) โดยโรงแรมของบริษัทตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำใน 13 ประเทศซึ่งครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง บริษัทบริหารและดำเนินงานโรงแรมเหล่านี้ภายใต้เครือโรงแรมที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น Four Seasons, Marriott และ St. Regis และภายใต้เครือโรงแรมของบริษัทเองคือ Anantara, Oaks, Elewana, Naladhu และ Avani

สำหรับธุรกิจอาหารบริการด่วนนั้น บริษัทดำเนินกิจการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MFG) ซึ่งก่อตั้งในปี 2523 MFG เป็นผู้ดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการแบบแฟรนไชส์จากต่างประเทศจำนวน 4 แบรนด์ ได้แก่ “สเวนเซ่นส์” “ซิซซ์เล่อร์” “แดรี่ ควีน” และ “เบอร์เกอร์ คิง” แบรนด์สินค้าของบริษัทเอง ได้แก่ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” “เดอะค็อฟฟีคลับ” “ริบส์ แอนด์ รัมพ์” “ไทยเอ็กเพรส” และ “Beijing Riverside and Courtyard (Riverside)” ในประเทศจีน ณ สิ้นปี 2556 MFG มีร้านอาหารเปิดให้บริการรวม 814 แห่ง ตลอดจนร้านแฟรนไชส์และแฟรนไชส์ย่อยอีกประมาณ 730 แห่งในกว่า 7 ประเทศ นอกจากนี้ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MINOR) ยังเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งของบริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และโรงงานรับจ้างผลิตสินค้าด้วย โดยมีแบรนด์สินค้าที่สำคัญ อาทิ Esprit, Gap, Bossini, Charles & Keith, Red Earth ฯลฯ

ในปี 2556 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 34,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของรายได้ในทุกส่วนธุรกิจของ MINT ธุรกิจอาหารบริการด่วนเป็นธุรกิจที่เติบโตสูงที่สุดในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท โดย MINT มีรายได้จากธุรกิจอาหารบริการด่วน รวมรายได้ค่าแฟรนไชส์ของธุรกิจอาหารในปี 2557 เท่ากับ 14,309 ล้านบาท เติบโต 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ในส่วนของธุรกิจโรงแรม รวมถึงธุรกิจสปา และธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมเติบโตขึ้น 5% ในปี 2556 เป็น 12,878 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 2555 การกระจายตัวของกลุ่มธุรกิจโรงแรมของบริษัทไปในหลายประเทศ ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของธุรกิจโรงแรม และปัจจัยเสี่ยงภายนอกจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ซึ่งส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อบริษัท เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากโรงแรมที่อยู่ในกรุงเทพฯ ของบริษัท คิดเป็นสัดส่วน 7% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท อย่างไรก็ตาม การชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อ จะส่งผลด้านลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และกดดันระดับการบริโภคในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท

กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้จากการขาย ในปี 2556 บริษ้ทมี EBITDA เท่ากับ 8,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทยังคงอยู่ที่ 17.7% ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้นเป็นผลจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้สิทธิ์ในใบสำคัญแสดงสิทธิ์ในปี 2556 จำนวน 3,602 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 56.9% ในปี 2555 เป็น 49.7% ณ สิ้นปี 2556 สภาพคล่องของบริษัทเมื่อวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับเพิ่มขึ้นจาก 6.1 เท่าในปี 2555 มาอยู่ที่ 7.7 เท่าในปี 2556 อัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อหนี้สินอยู่ที่ 25.0% ในปี 2556 ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2555 ที่ 21.2%

ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงกลยุทธ์การเติบโตเชิงรุก ทำให้คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีการลงทุนเกิดขึ้นมากกว่า 23,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าการลงทุนของบริษัทยังคงต้องมีการก่อหนี้จำนวนมาก ดั้งนั้นคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ระดับประมาณ 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MINT149A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,060 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
MINT155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
MINT15DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
MINT178A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
MINT17DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
MINT17DB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
MINT183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
MINT18OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
MINT21OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
MINT228A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ