ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นเดียวกันด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืม และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการก่อสร้างแบบครบวงจร (Engineering, Procurement, and Construction: EPC) อีกทั้งยังมีความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานวิศวกร และมีโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงไปบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ความเสี่ยงจากลักษณะงานโครงการ EPC และความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าในประเทศพม่า และโครงการรับเหมาก่อสร้างในต่างประเทศ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในโครงการ EPC ภายในประเทศเอาไว้ได้ อัตราส่วนกำไรของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7%-10% ในขณะที่แผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จะกดดันสถานะทางการเงินของบริษัทในช่วงระหว่างปี 2557-2559 อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะรักษาระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ต่ำกว่า 1 เท่าเอาไว้ ทั้งนี้ หากบริษัทมีการลงทุนเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลให้อัตราส่วนดังกล่าวสูงเกินกว่า 1.5 เท่าก็อาจทำให้ต้องปรับลดอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตลง แต่หากบริษัทสามารถปรับฐานรายได้และอัตรากำไรให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็อาจทำให้มีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตได้
บริษัทโตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่นก่อตั้งในปี 2528 จากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) และ Toyo Engineering Corporation (TEC) ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ โดย ณ เดือนธันวาคม 2556 TEC มีสัดส่วนการถือหุ้น 22.3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยมี Chiyoda Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นในสัดส่วน 6% และ ITD เหลือสัดส่วนการถือหุ้น 3.3% บริษัทเป็นผู้รับเหมาประเภท EPC ในประเทศไทยที่สามารถรับงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทแม่ในต่างประเทศหรือบริษัทอื่นเพื่อเข้าร่วมประมูลงาน ลูกค้าหลักที่บริษัทให้บริการประกอบด้วยลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ โรงกลั่นน้ำมันและก๊าซ และพลังงาน
บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ชื่อเสียงซึ่งเป็นที่ยอมรับในผลงานที่มีคุณภาพของบริษัทมาจากการมีลูกค้าจำนวนมากที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ ผลงานในอดีตที่เป็นที่ยอมรับประกอบกับความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์น่าจะช่วยให้บริษัทรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรับเหมาก่อสร้างประเภท EPC ต่อไปได้ในระยะปานกลาง สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากความได้เปรียบด้านต้นทุน โดยต้นทุนแรงงานวิศวกรภายในประเทศของบริษัทนั้นต่ำกว่าคู่แข่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ
บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบเพิ่มขึ้นจาก 8 พันล้านบาทในปี 2551 เป็น 1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2555 ณ เดือนธันวาคม 2556 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่าถึง 2.7 หมื่นล้านบาท โดยมูลค่างานดังกล่าวจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ปี 2557-2559 ซึ่งคิดเป็น 70%-80% ของรายได้ในอนาคตของบริษัทตามสมมติฐานของทริสเรทติ้ง
บริษัทมีแผนขยายการดำเนินธุรกิจออกเป็น 2 แนวทาง คือ การเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างประเภท EPC ในต่างประเทศ และการลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเพื่อให้เกิดรายได้ต่อเนื่อง ณ เดือนธันวาคม 2556 บริษัทลงทุน 42% ในหุ้นบุริมสิทธิของ บริษัท นวนครการไฟฟ้า จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 110 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 120 เมกะวัตต์ในเขต Ahlone เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า (โครงการ Ahlone) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 35 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยโครงการทั้ง 2 แห่งมีต้นทุนประมาณ 6,000-6,500 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนที่บริษัทลงทุนถือหุ้นในโครงการทั้ง 2 แห่งอยู่ที่โครงการละประมาณ 60% ทั้งนี้ บริษัทจะต้องรับผิดชอบในการก่อสร้างโครงการทั้ง 2 แห่งด้วย
การขยายงานรับเหมาก่อสร้างประเภท EPC ในต่างประเทศส่งผลให้ฐานรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 15,000 ล้านบาทในปี 2556 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ที่ระดับ 4%-8% ในช่วงปี 2552-2556 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมของบริษัทอย่างน้อยจะอยู่ที่ระดับ 13,000-15,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2557-2559 และยังคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 7%-10% ในช่วงปี 2557-2559 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากฐานรายได้ที่สูงขึ้นและรายได้จากโครงการ Ahlone เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี แผนการลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเพิ่มทุนจำนวน 2,640 ล้านบาทในปี 2556 จะช่วยเพิ่มความสามารถในการก่อหนี้และเพิ่มขนาดการลงทุนในอนาคต
บริษัทคาดว่าจะรักษาระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ต่ำกว่า 1 เท่าในอนาคต สภาพคล่องของบริษัทเมื่อวัดจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายแล้ว คาดว่าจะอ่อนแอลงเนื่องจากภาระหนี้ที่สูงขึ้น แต่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 4 เท่าหรือมากกว่า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html