ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่ระดับ “AAA” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “AA” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของ ปตท.สผ. อยู่ 2 ระดับสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิและความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารอาจถูกเลื่อนนัดการชำระดอกเบี้ยของตราสารดังกล่าวได้
อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทสะท้อนสถานะผู้นำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ตลอดจนปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีมากพอ การสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการถือสัมปทานปิโตรเลียม และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนลงจากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า ปตท.สผ. จะยังคงดำรงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้ โดยคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนต่ำกว่า 0.5 เท่าตามนโยบายทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นระดับที่ได้พิจารณารวมไปถึงโอกาสที่บริษัทจะซื้อกิจการครั้งใหม่และศักยภาพของบริษัทที่จะสามารถรองรับความผันผวนของราคาปิโตรเลียมและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานในต่างประเทศได้
ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถือสิทธิ์สัมปทานปิโตรเลียมในนามของรัฐบาลไทย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติถือหุ้นใน ปตท.สผ. ในสัดส่วน 65.3% ทั้ง ปตท. และ ปตท.สผ. ยังคงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณของไทย การเป็นตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมทำให้ ปตท.สผ. ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการสัมปทานปิโตรเลียมที่สำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 ปตท.สผ. มีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 42 โครงการ ซึ่ง 21 โครงการอยู่ในขั้นตอนการผลิต และโครงการส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนา
บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วทั้งหมดซึ่งรวมถึงแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศที่ระดับ 846 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับปี 2555 อันเนื่องมาจากอัตราการผลิตที่มีมากกว่าอัตราการเพิ่มของปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์ได้ในปี 2556 โดย ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีสัดส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากโครงการในต่างประเทศคิดเป็น 47% ของปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว
ในปี 2556 บริษัทมีอัตราการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 4.8% เป็น 329,371 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันอันเนื่องมาจากการที่แหล่งมอนทาราเริ่มผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายน 2556 และการผลิตเต็มปีของโครงการบงกชใต้ โดยหากคิดอัตราการผลิตปิโตรเลียมในปัจจุบันแล้ว ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทน่าจะผลิตได้นานประมาณ 7 ปี ซึ่งต่ำกว่าปริมาณสำรองของผู้ประกอบการระดับโลกที่มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-15 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการระดับโลกรายอื่นแล้ว ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลิต (Lifting Cost) ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 4.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2555 เป็น 4.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2556 ซึ่งสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงของแหล่งมอนทาราและค่าซ่อมบำรุงของโครงการบงกช ต้นทุนเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังสำหรับการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียม (F&D) ของบริษัทในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 33.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบจาก 28.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2555 ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยของ F&D ที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วจากโครงการใหม่โดยเฉพาะโครงการในต่างประเทศและการซื้อกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่มีทรัพยากร (Contingent Resources) มากกว่าจะเป็นโครงการที่มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์ได้ ในปี 2556 บริษัทได้ซื้อสินทรัพย์ในโครงการ Natuna Sea A ในประเทศอินโดนีเซียจาก Hess Corporation มูลค่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้อยู่ในระยะผลิตปิโตรเลียม ทำให้บริษัทมีอัตราการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 4,500 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1.4%
บริษัทยังคงมีฐานะการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่งและสถานะทางการเงินของบริษัทในปี 2556 อยู่ในประมาณการของทริสเรทติ้ง ในปี 2556 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 7.2% เป็น 7,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 6.1% เป็น 292,629 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.1% เป็น 65.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นจาก 5,099 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2555 เป็น 5,374 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 ด้วย โครงสร้างเงินทุนของบริษัทจัดว่ามีความแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้วด้วยสัญญาเช่าดำเนินงานและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) จำนวน 4,261 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2556 โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนดีขึ้นเล็กน้อยจาก 27.5% ณ สิ้นปี 2555 เป็น 26.8% ณ สิ้นปี 2556 บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่ดี โดย ณ เดือนธันวาคม 2556 บริษัทมีเงินสดในมือ 2,357 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2556
แผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนระยะ 5 ปีของบริษัทระหว่างปี 2557-2561 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 16,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณ 52% ของค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดจะเป็นการลงทุนในประเทศไทย ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (22%) อเมริกาเหนือ (11%) ตะวันออกกลางและแอฟริกา (14%) กลุ่มประเทศในทวีปออสเตรเลีย (1%) การลงทุนดังกล่าวเพื่อรองรับแผนเพิ่มปริมาณการผลิตของบริษัทเป็น 2 เท่า จากระดับประมาณ 329,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2556 เป็น 600,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2563 โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายจำนวน 271,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันนั้นจะมาจากโครงการในปัจจุบันของบริษัทที่อยู่ในระยะการสำรวจและพัฒนา รวมถึงการซื้อกิจการโครงการที่อยู่ในระยะการผลิตหรือใกล้ที่จะผลิตปิโตรเลียมแล้ว โครงการในปัจจุบันที่จะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตให้แก่บริษัทส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างประเทศ เช่น โครงการ Rovuma Offshore Area 1 ในสาธารณรัฐโมซัมบิก โครงการ Oil Sand ในประเทศแคนาดา และโครงการ M3 ในสหภาพพม่า ซึ่งโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในปี 2561-2562
ในช่วงปี 2557-2559 ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ประมาณ 5,500-5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีโดยอยู่บนสมมุติฐานที่ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 330,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันและราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ 64.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยมีแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 ที่ประมาณ 10,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่บริษัทมีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้ในช่วงปี 2557-2559 ประมาณ 1,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นชำระคืนในปี 2557 จำนวน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2558 จำนวน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไม่มีภาระการชำระคืนเงินกู้ในปี 2559 โดยจากสมมุติฐานดังกล่าวคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 26% ในช่วงปี 2557-2559
อันดับเครดิตองค์กร: AAA อันดับเครดิตตราสารหนี้: PTTEP145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 11,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AAA PTEP183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AAA PTTEP195A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 AAA PTTEP12PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน 5,000 ล้านบาท AA แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html