ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการกระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจและความแข็งแกร่งของเครือข่ายกลุ่ม ตลอดจนนโยบายการเงินที่ระมัดระวังซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนและระดับเงินปันผลรับของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงที่บริษัทในกลุ่มกำลังเผชิญในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า และอาหาร แม้บริษัทจะมีกระแสเงินสดไม่มากนัก แต่บริษัทมีสภาพคล่องจากเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งแม้ราคาหลักทรัพย์จะมีความผันผวนและไม่สามารถคาดการณ์ได้ก็ตาม ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและการรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระดับสูงของบริษัท โดยคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนจะคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่ากลุ่มสหพัฒน์จะมีผลการดำเนินงานที่ความแข็งแกร่งและดำรงสถานะผู้นำในตลาดหลักได้อย่างต่อเนื่อง
SPI ก่อตั้งในปี 2515 โดยตระกูลโชควัฒนา เพื่อให้เป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ ณ เดือนธันวาคม 2556 ตระกูลโชควัฒนาถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัทจำนวน 68.6% กลุ่มสหพัฒน์เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศไทยซึ่งทำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายในอุตสาหกรรมอาหาร เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคบริโภค SPI ดำเนินธุรกิจสวนอุตสาหกรรม และให้บริการสาธารณูปโภค ตลอดจนให้การช่วยเหลือทางการเงินและบริการด้านอื่น ๆ สำหรับการลงทุนของกลุ่ม สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในเครือสหพัฒน์จะดำเนินการโดย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนในด้านการผลิตนั้น ตามปกติกลุ่มสหพัฒน์จะร่วมลงทุนกับพันธมิตรจัดตั้งบริษัทเพื่อทำการผลิตสินค้า กลุ่มสหพัฒน์มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับหุ้นส่วนจำนวนมากและมีหลายบริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น กลุ่มสหพัฒน์มีโครงสร้างการถือหุ้นที่ซับซ้อนโดยมีการถือหุ้นไขว้กันระหว่างบริษัทในกลุ่ม อีกทั้ง การลงทุนของ SPI ในบริษัทที่เกี่ยวข้องจะมีสัดส่วนการถือหุ้นน้อยกว่า 50% ในแต่ละบริษัท ในปี 2556 รายได้ของกลุ่มสหพัฒน์ที่ผ่านบริษัทจัดจำหน่ายหลัก 3 รายมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาทจากการขายสินค้าทั่วประเทศ โครงสร้างของกลุ่มสหพัฒน์ได้พัฒนาเครือข่ายที่แข็งแกร่งตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตและจัดจำหน่าย โดยสินค้าของบริษัทประกอบด้วยตราสินค้าชั้นนำจำนวนมากในหลากหลายตลาด เช่น มาม่า วาโก้ เปา เอสเซ้นซ์ มิสทีน บีเอสซี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งท้าทายความสามารถของกลุ่มสหพัฒน์ในการรักษาสถานะทางการตลาดและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 SPI ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ รวม 148 แห่งในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมี 22 แห่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ 1 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มสหพัฒน์ช่วยทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากความหลากหลายของสินค้าซึ่งจะช่วยบรรเทาความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทขึ้นอยู่กับเงินปันผลรับจากบริษัทที่เกี่ยวข้องซึ่งปัจจุบัน SPI ไม่มีอำนาจเต็มในการกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
สำหรับธุรกิจสวนอุตสาหกรรมนั้น บริษัทให้บริการสวนอุตสาหกรรม 3 แห่งซึ่งส่วนใหญ่ใช้รองรับธุรกิจด้านการผลิตของกลุ่ม โดยรายได้หลักของธุรกิจสวนอุตสาหกรรมมาจากรายได้ค่าสาธารณูปโภคและค่าบริการอื่น ๆ ส่วนรายได้จากการขายที่ดินมีจำนวนน้อยเนื่องจากบริษัทมีการขายที่ดินให้แก่บริษัทนอกกลุ่มน้อยมาก กระแสเงินสดจากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมทั้งหมดถูกใช้เพื่อค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและบริหารของบริษัท ดังนั้นรายได้จากเงินปันผลจึงเป็นกระแสเงินสดสำหรับการลงทุนและกิจกรรมทางการเงินเป็นหลัก เงินปันผลที่บริษัทได้รับในอดีตคิดเป็นเกือบ 100% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 และปี 2556 บริษัทมียอดขายที่ดินเป็นจำนวน 200-300 ล้านบาทต่อปีเมื่อเทียบกับยอดขายที่ดินรวม 5 ปีมูลค่า 323 ล้านบาทในช่วงปี 2550 ถึงปี 2554 ดังนั้น EBITDA จากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมจึงคิดเป็นสัดส่วน 9% และ 22% ของ EBITDA ทั้งหมดในปี 2555 และปี 2556 ตามลำดับ
รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2,992 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 4,114 ล้านบาทในปี 2556 โดยในปี 2556 รายได้มีการเติบโต 2.2% ซึ่งน้อยกว่าปี 2555 และปี 2554 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงของธุรกิจเสื้อผ้า ในขณะที่รายได้จากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ค่าสาธารณูปโภคอยู่ในระดับสม่ำเสมอและเติบโตปานกลาง กระแสเงินสดของบริษัทซึ่งรวมรายได้เงินปันผลอยู่ที่ระดับ 500-660 ล้านบาทในระหว่างปี 2552-2555 โดยรายได้เงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 746 ล้านบาทในปี 2556 สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมพิจารณาการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในปี 2556 จำนวนประมาณกึ่งหนึ่งของบริษัทที่เกี่ยวข้องมีการจ่ายเงินปันผล ซึ่งบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมากที่สุด 5 อันดับแรกคิดเป็นสัดส่วน 55% ของเงินปันผลทั้งหมดที่บริษัทได้รับ อย่างไรก็ตาม สถิติในอดีตสะท้อนให้เห็นว่า SPI มีรายได้จากเงินปันผลในระดับที่สม่ำเสมอ
สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่พอเพียงจากนโยบายการก่อหนี้ที่ระมัดระวัง เงินกู้ทั้งหมดรวมภาระการค้ำประกันให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นจาก 977 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 1,684 ล้านบาทในปี 2556 อัตราส่วนของ EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงกว่า 14 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับสูงกว่า 45% นอกจากนี้ การลงทุนของบริษัทได้ช่วยส่งเสริมสภาพคล่อง เมื่อพิจารณามูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 23 แห่งคิดเป็น 16,348 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอยู่ระหว่าง 7%-10% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับต่ำที่ 8.9% ณ สิ้นปี 2556 นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีพื้นที่ว่างรอการขายในสวนอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่งจำนวน 1,565 ไร่ และมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 2,000 ล้านบาทความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคตขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทที่เกี่ยวข้องและนโยบายการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ แผนในการขายที่ดินเพิ่มจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงหลักการในการลงทุนโดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพและบริษัทเป็นผู้ร่วมพัฒนาและบริหารโครงการ ทั้งนี้ทริสเรทติ้งไม่ได้รวมการลงทุนขนาดใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนไว้ในประมาณการของบริษัทในระยะปานกลาง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html