ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ระดับ “BBB-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 25, 2014 16:42 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดและใช้ลงทุนตามแผน อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement – PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกลุ่มบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากอัตราการก่อหนี้ในระดับสูงรวมถึงการทำรายการระหว่างบริษัทในกลุ่มและข้อจำกัดจากอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB” ของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 36.2% ณ เดือนธันวาคม 2556 ด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะพัฒนาโครงการทั้งหมดโดยไม่ทำให้สถานะทางการเงินอ่อนแอลง

บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) และบริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม หลังการปรับโครงสร้างแล้ว บริษัทถือเป็นบริษัทหลักในธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าชีวมวลและถ่านหินรวม 9 โรง ภายใต้โครงการ SPP ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 493 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 1,180 ตันต่อชั่วโมง โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว บริษัทขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานและธุรกิจสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างแหล่งเชื้อเพลิงและเพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า โดยบริษัทได้ลงทุนในธุรกิจเอทานอลจากมันสำปะหลังขนาดกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวันและลงทุนในธุรกิจน้ำมันรำข้าว นอกจากนี้ยังได้ลงทุนในธุรกิจสนับสนุนการปลูกต้นยูคาลิปตัส (ต้นพลังงาน) ธุรกิจวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม และยังได้ลงทุนซื้อสิทธิในการทำเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย บริษัทยังมีธุรกิจให้บริการขนส่งถ่านหินและชีวมวลรวมถึงธุรกิจทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเล อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไฟฟ้ายังเป็นแหล่งรายได้และแหล่งกำไรหลักของบริษัท โดยในปี 2556 88% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มาจากธุรกิจไฟฟ้า ในขณะที่ 12% มาจากธุรกิจอื่น

บริษัทมีสัญญา PPA อายุ 25 ปีกับ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 62% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำส่วนที่เหลือภายใต้สัญญาระยะยาวให้แก่กลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราด้วย โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและชีวมวล แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลก็ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าและมีความเสี่ยงจากการสึกหรอของเครื่องจักรอุปกรณ์ในอัตราที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

การดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2556 แม้โรงไฟฟ้าโรงใหญ่ 1 โรงของบริษัทมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ระดับความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2556 ปรับตัวดีขึ้นเป็น 86.0% จาก 83.3% ในปี 2555 ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินเฉลี่ยอยู่ที่ 4.0% เทียบกับ 3.7%-5.3% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทได้เสร็จสิ้นการปรับปรุงหม้อไอน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิง และยังคงใช้ระบบจัดเก็บและจัดเตรียมเชื้อเพลิงเพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทและกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นในปี 2556 บริษัทรายงานกำไรสุทธิจำนวน 1,458 ล้านบาทในปี 2556 เพิ่มขึ้น 16.1% จาก 1,255 ล้านบาทในปี 2555 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นเป็น 29.9% ในปี 2556 จาก 27.6% ในปี 2555 อัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นผลจากราคาขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินลดลงในปี 2556 โดยดัชนีถ่านหินอ้างอิง JPU (Japanese Power Utility Index) ลดลงจาก 129.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2554 เป็น 110.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2555 และ 94.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2556 นอกจากนี้ หลังจากการปรับปรุงหม้อไอน้ำบริษัทสามารถใช้ถ่านหินที่มีค่าความร้อนต่ำกว่ามาทดแทนถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูงบางส่วนเพื่อลดต้นทุน และบริษัทยังได้เพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอื่นที่มีราคาต่ำกว่ามากขึ้น EBITDA ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% เป็น 3,392 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มขึ้น 16% เป็น 3,944 ล้านบาทในปี 2556 อย่างไรก็ดี โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 64.4% ในปี 2556 จาก 51.9% ในปี 2554 เงินกู้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 16,771 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 จาก 11,967 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากการลงทุนของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการลงทุนใหม่ ๆ ระหว่างปี นอกจากนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลรวมจำนวน 4,900 ล้านบาทในปี 2555 และปี 2556

เมื่อต้นปี 2556 บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย ไอพีพี จำกัด (NPSIPP) และ บริษัท ไฟฟ้าชีวมวล จำกัด (BECO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NPS ได้โอนโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าให้กับ บริษัท ไอพีพีไอพี 2 จำกัด และ บริษัท เอ็นพีเอส พีพี 9 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีก 2 แห่งของบริษัท ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2556 บริษัทได้ขายหุ้น NPSIPP และ BECO ให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกันในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอในราคา 2,382 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับราคาทุนของบริษัทในวันที่ทำการขายหุ้น บริษัทยังได้วางแผนจะพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมอีก 3 โรงในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 360 เมกะวัตต์ บริษัทวางแผนการลงทุนดังกล่าวเนื่องจากที่ดินของบริษัทอยู่ใกล้กับท่อก๊าซเส้นที่ 4 ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในปี 2556 บริษัทย่อยของบริษัทจึงได้ซื้อที่ดินรวมจำนวน 288 ไร่จากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน 3 แห่งเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ บริษัทตกลงจะซื้อที่ดินในราคารวม 624 ล้านบาทและได้จ่ายเงินมัดจำรวมจำนวน 605 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 เงินมัดจำจ่ายเพื่อซื้อที่ดินแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันมีมูลค่า 1,786 ล้านบาท จากมูลค่า 1,615 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555

ความสามารถในการทำกำไรในธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจในปี 2557 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินที่ยังอยู่ระดับต่ำ โดยต้นทุนถ่านหินคิดเป็นประมาณ 30% ของต้นทุนผลิตไฟฟ้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรรวมของบริษัทอาจถูกกดดันจากธุรกิจผลิตเอทานอล ซึ่งมีผลการดำเนินงานขาดทุนก่อนรวมค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่ายเป็นจำนวน 167 ล้านบาท ในช่วงเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2556 ปัจจุบันบริษัท อี 85 จำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจเอทานอลอยู่ระหว่างการขอผ่อนผันการผิดข้อกำหนดทางการเงินกับสถาบันการเงิน

อัตราส่วนหนี้เงินกู้ต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากแผนการลงทุนขยายธุรกิจที่มีอยู่ บริษัทวางงบลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาทในปี 2557 ซึ่งประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 2 แห่ง และการก่อสร้างโรงงานเอทานอลอีก 1 สายการผลิต โรงไฟฟ้า 2 แห่งนี้ จะเปิดดำเนินการในปี 2557-2558 สำหรับงบลงทุนในปี 2558 บริษัทได้ปรับลดงบลงทุนลงเหลือ 600 ล้านบาท เนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) ของบริษัทจะล่าช้าออกไป 2-3 ปี ในขณะที่บริษัทกำลังวางแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซอีก 3 แห่งรวมกำลังการผลิตไฟฟ้า 360 เมกะวัตต์ในอนาคต

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB-
NPS156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB-
NPS171A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,718 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ