ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการด้านข่าวสารผ่านทางสื่อหลากหลายประเภท ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งของหนังสือพิมพ์ของบริษัทอันประกอบด้วย หนังสือพิมพ์ “กรุงเทพธุรกิจ” หนังสือพิมพ์ “The Nation” และหนังสือพิมพ์ “คม ชัด ลึก” และความสามารถของคณะผู้บริหาร ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทจากโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจทีวีดิจิตอลด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัญหาในการดำเนินธุรกิจหนังสือพิมพ์ทั้งการโฆษณาที่ชะลอตัวและแนวโน้มที่ลดลงของยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการประกอบธุรกิจทีวีดิจิตอล แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงโอกาสเติบโตของบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจทีวีดิจิตอลที่กำลังจะเกิดขึ้น อันดับเครดิตจะได้รับการปรับขึ้นหากบริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงโดยไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท แนวโน้มอันดับเครดิตมีโอกาสที่จะถูกปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” ในกรณีที่บริษัทมีต้นทุนในการเข้าสู่ธุรกิจทีวีดิจิตอลสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป หรือเป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อ “เนชั่นกรุ๊ป” เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสื่อในระดับแนวหน้าของไทย ณ เดือนธันวาคม 2556 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ประกอบด้วย นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น (9.20%) และนายเสริมสิน สมะลาภา (9.08%) ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ สาระบันเทิง การศึกษา การพิมพ์ และขนส่ง ในปี 2556 บริษัทมียอดขายรวม 2,864 ล้านบาท ธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์ และธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ โดยสร้างรายได้ 59% และ 26% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2556 ในขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักดังกล่าว
รายได้หลักจากธุรกิจหนังสือพิมพ์มาจากรายได้การขายโฆษณาและยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับ คือ “กรุงเทพธุรกิจ” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน “The Nation” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายวัน และ “คม ชัด ลึก” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน โดยในปี 2556 รายได้จากการขายโฆษณาในสื่อหนังสือพิมพ์คิดเป็นสัดส่วน 43% ของยอดขายรวมของบริษัท และยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขายรวมของบริษัท อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจหนังสือพิมพ์ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในปี 2551 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจหนังสือพิมพ์ 1,958 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72% ของยอดขายรวม และในปี 2556 ลดลงเหลือ 1,686 ล้านบาท หรือ 59% ของยอดขายรวม การลดลงดังกล่าวสะท้อนถึงความนิยมในการอ่านหนังสือพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับสื่อโทรทัศน์และสื่อสมัยใหม่อื่น ๆ แล้ว จะเห็นได้ว่าโอกาสเติบโตของสื่อหนังสือพิมพ์มีจำกัด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ของโลก นอกจากนี้ ความนิยมในการใช้อินเตอร์เน็ทและการสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ก็ยังส่งผลลบต่อการเติบโตของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์รูปแบบเดิมด้วย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ของไทยเอาไว้ได้
ในทางตรงข้าม รายได้จากธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพเพิ่มขึ้นจาก 15% ของยอดขายรวมในปี 2551 เป็น 26% ในปี 2556 หรือจาก 397 ล้านบาท เป็น 751 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจหนังสือพิมพ์ซึ่งกำลังถึงจุดอิ่มตัวเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท ธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพก็เป็นที่คาดหวังว่าจะเป็นกลุ่มสำคัญที่จะสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคตให้แก่เนชั่นกรุ๊ป ในช่วงปลายปี 2556 บริษัทและบริษัทย่อยชนะการประมูลช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่อง ได้แก่ช่องวาไรตี้ ความคมชัดมาตรฐาน และช่องข่าว ทริสเรทติ้งคาดว่าการเข้าสู่ธุรกิจฟรีทีวีจะช่วยให้ธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมากจากปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทจะมีโอกาสเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดทีวีดาวเทียมของบริษัทในปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายโฆษณาของฟรีทีวีมีมูลค่าสูงกว่าของทีวีดาวเทียมถึง 7 เท่า และสูงกว่าของหนังสือพิมพ์ 4 เท่า อย่างไรก็ดี การแข่งขันจะสูงขึ้นเพราะจะมีจำนวนช่องทีวีเพิ่มเป็น 24 ช่อง รวมทั้งช่องสาธารณะอีก 24 ช่อง ในขณะที่ปัจจุบันมีอยู่ 6 ช่อง ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถแข่งขันได้ในตลาดฟรีทีวีด้วยแบรนด์ Nation Channel ที่แข็งแกร่งและความสามารถของบริษัทในการผลิตรายการข่าวและสาระความรู้ที่มีคุณภาพ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพจะช่วยลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์และจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะขาลงของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์
ฐานะการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง หลังจากประสบภาวะขาดทุนในอดีต บริษัทเริ่มมีฐานะการเงินดีขึ้นตั้งแต่ปี 2553 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายรวมอยู่ระหว่าง 14%-16% เปรียบเทียบกับ 2%-5% ระหว่างปี 2548-2552 อัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการโฆษณาและการควบคุมต้นทุน สภาพคล่องของบริษัทก็ปรับดัวดีขึ้นด้วย ดังจะเห็นได้จากอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวม ที่ปรับตัวดีขึ้น
ในช่วงกลางปี 2556 เนชั่นกรุ๊ปและบริษัทในเครือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คือ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (NBC) และ บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NINE) ได้ระดมทุนรวมกันจำนวน 2,137 ล้านบาท โดยเงินที่ได้รับมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้ในการประมูลช่องทีวีดิจิตอลและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างที่ยังไม่ถึงกำหนดการประมูล บริษัทได้นำเงินดังกล่าวไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นบางส่วน ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจาก 45.9% ในปี 2555 เหลือ 13.3% ณ สิ้นปี 2556
บริษัทประมูลใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่อง ที่ราคาประมูล 3,538 ล้านบาท ซึ่งตามกฎของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ค่าใบอนุญาตดังกล่าวจะแบ่งชำระออกเป็น 6 งวด ดังนั้น ซึ่งจะไม่เป็นภาระทางการเงินกับบริษัทมากเกินไป บริษัทมีแผนจะลงทุน 200-500 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจดิจิตอลทีวีของบริษัท เมื่อรวมค่าประมูลใบอนุญาต และเงินที่จะใช้ลงทุนตามแผนของบริษัทแล้ว บริษัทจะต้องใช้เงิน 800-1,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2557-2559 ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอย่างน้อย 500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2557-2559 ซึ่งเมื่อรวมกับสภาพคล่องที่สำรองเอาไว้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่า บริษัทจะสามารถบริหารค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
รายได้ค่าโฆษณาถือเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยทั่วไป งบโฆษณาสำหรับทุกสื่อจะแปรผันตามภาวะเศรษฐกิจ งบโฆษณาในฟรีทีวีเติบโตอย่างสม่ำเสมอในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 6.3% ในขณะที่งบโฆษณาในสื่อหนังสือพิมพ์มีความผันผวนมากกว่า ทำให้มูลค่ารวมของการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ไม่เติบโตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นที่คาดหมายว่าการเกิดขึ้นของฟรีทีวีรูปแบบใหม่จะช่วยเพิ่มฐานรายได้ให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญในภาวะที่รายได้จากธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์มีแนวโน้มลดลง ซึ่งสะท้อนถึงภาวะใกล้อิ่มตัวของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ไทย หากบริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอล โครงสร้างรายได้หลักของบริษัทจะเปลี่ยนจากธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไปเป็นธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html