บริษัทก่อตั้งในปี 2539 ในนาม บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) แบบทางอ้อม (Reverse Listing) และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ในปี 2554 หลังจากนั้นได้ย้ายการซื้อขายหลักทรัพย์จากตลาด MAI ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2555 โดย ณ เดือนมีนาคม 2557 ครอบครัวกุญชรยาคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วน 54.36% ปัจจุบันบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทย่อยซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 36 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตตามสัญญารวมทั้งสิ้น 205.92 เมกะวัตต์ ซึ่ง 34 โครงการแรกมีกำลังการผลิตตามสัญญาโครงการละ 5.88 เมกะวัตต์ ส่วน 2 โครงการสุดท้ายโครงการละ 3.00 เมกะวัตต์ ในปี 2556 รายได้ของบริษัท 83.4% มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อีก 12.7% มาจากโรงงานผลิตหลังคาเหล็ก ส่วนที่เหลืออีก 3.8% มาจากการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและอื่น ๆ
บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด 36 แห่งของบริษัทมีสัญญา PPA กับ กฟภ. และได้รับ Adder ที่อัตรา 8 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 10 ปี โรงไฟฟ้าของบริษัทมีทำเลกระจายอยู่ใน 9 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดลพบุรี ซึ่งจากผลการศึกษาของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานพบว่าพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีค่าความเข้มรังสีดวงอาทิตย์เฉลี่ยที่ 19-20 เมกะจูลต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ต่อวัน (หรือเทียบเท่า 5.28-5.56 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ ตร.ม. ต่อวัน) ซึ่งสูงกว่าค่าความเข้มรังสีดวงอาทิตย์เฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 18 เมกะจูลต่อ ตร.ม. ต่อวัน (หรือเทียบเท่า 5.00 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ ตร.ม. ต่อวัน)
โรงไฟฟ้าของบริษัทใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ทำจากซิลิคอนชนิดหลายผลึก (Multi-crystalline) ซึ่งผลิตโดยบริษัทญี่ปุ่นชื่อ Kyocera ตั้งแต่เริ่มผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดนี้ในเชิงพาณิชย์ในปี 2525 Kyocera ได้จำหน่ายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดนี้มากกว่า 1.2 กิกะวัตต์ให้แก่โรงไฟฟ้าและครัวเรือน โดยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดที่บริษัทใช้ได้รับการรับประกันประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 25 ปีจาก Kyocera นอกจากนี้ โครงการทั้งหมดเลือกใช้เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ที่ผลิตโดย SMA Solar Technology AG (SMA) โดยมีการรับประกันนาน 20 ปี ซึ่ง SMA จำหน่ายเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้ากว่า 30 กิกะวัตต์ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2524
ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 โรงไฟฟ้าของบริษัท 31 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตตามสัญญารวม 176.52 เมกะวัตต์ได้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 5 แห่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ภายในกลางปี 2557 สำหรับมูลค่าการลงทุนของทั้ง 36 โครงการนี้อยู่ที่ 21,900 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้สำหรับการลงทุนประมาณ 16,100 ล้านบาท
ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีเงินกู้รวม 16,646 ล้านบาท ในขณะที่สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังอยู่ในระดับสูงที่ 82.6% เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดจากภาระหนี้สินในระดับสูงนี้ถูกลดทอนไปบางส่วนจากกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่แน่นอนและคาดการณ์ได้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ที่สูงเนื่องจากได้รับ Adder และมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำ ปัจจุบันอัตราการรับซื้อไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ อัตราค่าพลังงานไฟฟ้าขายส่งตามช่วงเวลาของการใช้ (TOU Rate) รวมกับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติขายส่งเฉลี่ย (Ft ขายส่งเฉลี่ย) และ Adder โดย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 อัตราค่าไฟฟ้าทั้ง 3 ส่วนรวมกันเท่ากับ 11.6 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 6-7 ปี
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 178.7 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพเฉลี่ยที่ 78.5% พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงนั้นมากกว่าที่คาดการณ์ (ใช้ความน่าจะเป็นที่ 50% สำหรับพลังงานไฟฟ้าที่คาดว่าจะผลิตได้ -- P50) อยู่ 2.6% และหากเทียบกับความน่าจะเป็นที่ 90% -- P90 พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงจะมากกว่า 9.6% สำหรับกรณีฐานของทริสเรทติ้งนั้นใช้ความน่าจะเป็นที่ 90% สำหรับพลังงานไฟฟ้าที่คาดว่าจะผลิตได้ (P90) และประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 77.5% ซึ่งคาดว่าบริษัทจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 335-345 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และคาดว่าจะสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 3,500-3,550 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2558-2563 ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไปคาดว่า EBITDA จะค่อย ๆ ลดลงเนื่องจากการทยอยหมดอายุของ Adder โดย ณ สิ้นปี 2557 คาดว่าบริษัทจะมีเงินกู้รวมประมาณ 18,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 60%-65% ภายในปี 2559
สำหรับอันดับเครดิตระดับ “BBB” ของหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันทยอยชำระคืนเงินต้นนั้นสะท้อนลักษณะการด้อยสิทธิทางโครงสร้าง (Structural Subordination) ของการออกหุ้นกู้ที่ระดับบริษัทโฮลดิ้ง เนื่องจากกระแสเงินสดของบริษัทส่วนใหญ่มาจากเงินปันผลจากการดำเนินงานของบริษัทลูก (Operating Company) ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ของบริษัทลูกแต่ละแห่ง สำหรับเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้และนำไปใช้สำหรับการขยายธุรกิจ
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html