ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน และแนวโน้ม “บ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์” ที่“A+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 9, 2014 16:42 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักของบริษัท ตลอดจนการมีธุรกิจที่หลากหลายพร้อมตราสินค้าที่มีชื่อเสียงและการกระจายสินค้าที่ครอบคลุม รวมถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับพันธมิตรธุรกิจและกลุ่มลูกค้า การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงยอดขายที่แข็งแกร่งของบริษัทที่เติบโตจากทุกสายผลิตภัณฑ์และโอกาสการเติบโตในประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีนด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการก่อหนี้เพื่อการขยายกิจการ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” แสดงถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถคงความแข็งแกร่งในการแข่งขันในสายธุรกิจหลักของบริษัทเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับอัตราการทำกำไรและเพิ่มความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้ต่อไป ทั้งนี้ หากบริษัทจะลงทุนหรือขยายธุรกิจใดใดในอนาคตก็ควรรักษาระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับปานกลางและรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอ

บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ มีประวัติการประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2544 เมื่อ บริษัท ทีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดย ณ เดือนมีนาคม 2557 กลุ่มบริษัททีซีซีมีสัดส่วนการถือหุ้น 73.8% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัททีซีซีเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่สำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ดำเนินการผลิตและให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภทซึ่งรวมถึงสินค้าของบริษัทเองด้วย ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ ซึ่งทำการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทขวดแก้วและกระป๋องอลูมิเนียม 2) กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค ซึ่งทำการผลิต ทำการตลาด และจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค 3) กลุ่มสินค้าและบริการด้านสุขภาพและด้านเทคนิค ซึ่งเน้นสินค้าด้านเวชภัณฑ์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสินค้าทางเทคนิค 4) ธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยร้านหนังสือเอเซีย บุ๊คส ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และธุรกิจค้าปลีก ปัจจุบันบริษัทได้ขยายกิจการไปยังธุรกิจค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยบริษัทได้เปิดร้าน “Ogenki” ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสินค้าเพื่อสุขภาพและดูแลสุขภาพให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ บริษัทยังมีร้านสะดวกซื้อ “B’s mart” ในประเทศเวียดนามซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 2556 ซึ่งขณะนี้มี 83 สาขาแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมลงทุนเพื่อบริหารร้านสะดวกซื้อ “M-point mart” ในประเทศลาวด้วย บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเป็นเครื่องข่ายร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ทั้งในประเทศเวียดนามและลาว

ในปี 2556 บริษัทมียอดขายทั้งสิ้น 42,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2555 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตภายในของบริษัทและจากการรวมรายได้ธุรกิจกระจายสินค้าในเวียดนามที่เพิ่งซื้อกิจการเข้ามาในปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์เป็นสายธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทสูงสุดคิดเป็น 42% ของยอดขายรวม อีก 35% มาจากรายได้จากกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค และ 17% เป็นรายได้จากกลุ่มเวชภัณฑ์รวมกับกลุ่มสินค้าเทคนิค นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างกำไรให้แก่บริษัทด้วย โดย 65% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มาจากกลุ่มธุรกิจนี้

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงเสริมจากความหลากหลายของธุรกิจและแหล่งรายได้ โดยความหลากหลายของธุรกิจช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจซบเซาได้ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำภายในประเทศในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค ธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์ยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าจำนวนมากอย่างต่อเนื่องของบริษัทไทยเบฟเวอเรจซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 37% ของยอดขายสินค้าบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภคของบริษัทยังได้รับแรงหนุนจากตราสินค้าชั้นนำต่างๆ ด้วย เช่น เซลล็อกซ์ ซิลค์ เทสโต โดโซะ นกแก้ว และเครือข่ายการจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งนี้ เครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางจะช่วยสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการให้บริการจัดจำหน่ายของบริษัทให้เข้าถึงผู้บริโภคปลายทางทั่วภูมิภาคอินโดจีนได้ด้วย

ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขาย ตลอดจนกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น และระดับสภาพคล่องที่เพียงพอ แต่ก็ถูกลดทอนด้วยระดับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ยอดขายของบริษัทเติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลักในช่วง 4 ปีที่ผ่าน ตลาดต่างประเทศทวีความสำคัญมากขึ้นโดยสร้างรายได้คิดเป็นประมาณ 20% ของยอดขายรวมของบริษัทในปี 2556 โดยเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2555 รายได้จากต่างประเทศช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวและเกิดปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4,613 ล้านบาทในปี 2556 เปรียบเทียบกับระดับประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปีในปี 2554 และ 2555 บริษัทมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากการมีความหลากหลายทางธุรกิจและการมีเครือข่ายจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอถึงแม้ว่าจะอ่อนตัวลงในช่วง 2 ปีที่ผ่าน โดยอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงมาอยู่ที่ 10 เท่าจาก 14.1 เท่าในปี 2554

อัตราส่วนกำไร (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขาย) ของบริษัทผันผวนอยู่ในช่วงแคบๆ เนื่องจากมีความหลากหลายทางธุรกิจ โดยอยู่ในช่วง 12%-12.5% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับอัตรากำไรของกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นจาก 19% ในปี 2555 มาอยู่ที่ 21% ในปี 2556 อันเป็นผลจากอัตราการใช้ประโยชน์ที่สูงขึ้นในโรงงานผลิตกระป๋องอลูมิเนียมในประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ยอดขายในกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องใช้ส่วนตัวและเครื่องสำอางได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่อ่อนตัว ลักษณะของกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภคจะมีอัตรากำไรที่ไม่มากซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10% แต่อัตรากำไรในปี 2556 ลดลงไปอยู่ที่ 7% อันเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง รวมทั้งจากการขาดทุนในธุรกิจโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว และจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว ทั้งนี้ คาดว่าปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยืดเยื้อจะยังคงมีผลกดดันอัตรากำไรของบริษัทต่อไป

สถานะด้านภาระหนี้สินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง เงินกู้รวมของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านเนื่องจากการขยายกำลังการผลิตและเครือข่ายการจัดหน่าย อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 48.5% ในปี 2556 จากระดับ 44% ในปี 2554 และ2555 เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโต บริษัทวางแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 โดยรวมที่ 12,000 ล้านบาทเพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว รวมถึงขยายความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ และขยายธุรกิจค้าปลีก ทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่จะใช้สนับสนุนการลงทุนใหม่ ๆ ได้ในระดับหนึ่งในวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท หากบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่กว่านั้นก็อาจกระทบต่อความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทได้

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BJC145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+
BJC165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:                           Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ