ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” หรือ “บวก” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตที่ปรับลดลงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงขึ้น
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัท ตลอดจนผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร รวมถึงความหลากหลายของสินค้า อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ค่อนข้างสูง และความกังวลในการยกเลิกการจองจากลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและความต้องการที่อยู่อาศัยซบเซา ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน อีกทั้งควรรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานไว้ที่ระดับสูงกว่า 10% ในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทควรรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับไม่เกินกว่า 67% หรือเทียบเท่ากับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่น้อยกว่า 2 เท่าในระยะปานกลาง
บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 114 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 140,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมคิดเป็น 60% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 32% และทาวน์เฮ้าส์ 8% ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 3.3 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอการรับรู้รายได้สูงถึง 51,000 ล้านบาท และมีจำนวนหน่วยเหลือขายมูลค่าประมาณ 57,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง
ยอดขายของบริษัทในปี 2555-2556 อยู่ที่ประมาณ 42,000 ล้านบาทต่อปี ยอดขายสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ลดลงอย่างมากเหลือ 388 ล้านบาทจาก 20,903 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมียอดยกเลิกการจองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการคอนโดมิเนียม “ดี คอนโด” ทั้งนี้ ยอดขายคอนโดมิเนียมติดลบ 1,800 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายจากบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์อยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท จากการมียอดขายที่ต่ำและจำนวนโครงการเปิดใหม่ที่ลดลงในปี 2557 ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของบริษัทในปี 2557 จะต่ำกว่ายอดขายในช่วงปี 2555-2556
รายได้ของบริษัทในปี 2556 เท่ากับ 28,597 ล้านบาท ลดลง 4% จากปี 2555 โดยรายได้ของบริษัทต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้เนื่องจากบริษัทไม่สามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ในโครงการคอนโดมิเนียมได้ตามแผน ซึ่งมีสาเหตุมาจากยอดยกเลิกที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ลดลงและความล่าช้าในการได้รับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ภายใต้สมมุติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารการส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน ดังนั้น รายได้ของบริษัทในปี 2557 จึงไม่ควรต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทซึ่งเท่ากับจำนวนยอดขายที่รอการส่งมอบในปีนี้
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 33%-34% ของรายได้รวมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 20% ในช่วงปี 2554-2555 และเพิ่มขึ้นเป็น 24% ในปี 2556 ดังนั้น อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ซึ่งคำนวณโดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ยังคงลดลงจาก 16% ในปี 2553 เป็น 10% ในปี 2556 ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะไม่ลดลงต่ำกว่าระดับปัจจุบัน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทค่อนข้างสูงที่ 61%-63% ในช่วงปี 2553-2555 และเพิ่มขึ้นเป็น 67% ในปี 2556 บริษัทควรรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 67% ในระยะปานกลางเพื่อรักษาอันดับเครดิตที่ระดับปัจจุบันไว้ สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลง โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเหลือ 4% ในปี 2556 จาก 12%-14% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ในภาวะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและความต้องการในที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารสภาพคล่องได้ต่อไป โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษากระแสเงินสดขั้นต่ำเอาไว้ได้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
SIRI181A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB SIRI185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB SIRI188A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB SIRI194A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html