ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน และแนวโน้ม “บ. ทางด่วนกรุงเทพ” ที่ “A/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 27, 2014 13:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการเติบโตที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานซึ่งเกิดจากปริมาณการจราจรบนทางด่วนของบริษัทที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐด้านระบบการขนส่งในอนาคต ตลอดจนปัญหาความไม่สงบทางการเมือง และการลงทุนขนาดใหญ่ในสัมปทานทางด่วนโครงการใหม่ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทควรดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังในช่วงการลงทุน ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับคุณภาพเครดิตเอาไว้

บริษัททางด่วนกรุงเทพเป็นผู้ก่อสร้างและบริหารโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือโครงการทางพิเศษศรีรัชและโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) หรือทางด่วนส่วน C+ โดยได้รับสัมปทานในระบบ Build-Transfer-Operate (BTO) ระยะเวลา 30 ปีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนต่อขยายของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และทางด่วนส่วน C+ จะหมดอายุในปี 2563 ปี 2570 และปี 2569 ตามลำดับ ทั้งนี้ ทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และก่อสร้างและบริหารโครงการโดย กทพ. จึงเป็นโครงข่ายถนนที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนเมื่อการจราจรบนถนนปกติในใจกลางกรุงเทพฯ และชานเมืองมีปัญหาติดขัด บริษัทและ กทพ. มีการแบ่งรายได้ค่าผ่านทางระหว่างกันในส่วนของทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ในเขตเมือง (ส่วน A และ B) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นไปจนหมดอายุสัมปทาน สัดส่วนการแบ่งรายได้ระหว่างบริษัทกับ กทพ. คือ 40% ให้แก่บริษัท และ 60% ให้แก่ กทพ. สำหรับในเขตนอกเมือง ในขณะที่ส่วน C ส่วน D และ ส่วน C+ นั้นบริษัทไม่ต้องแบ่งรายได้กับ กทพ. นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสัมปทานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ส่วน SOE) ด้วย โดยสัญญาสัมปทานเป็นแบบระบบ BTO ระยะเวลา 30 ปีและมีระยะเวลาการก่อสร้างไม่เกิน 48 เดือน ซึ่งบริษัทจะได้รับรายได้ค่าผ่านทาง 100% ทั้งนี้ โครงการมีมูลค่าการลงทุน 25,491 ล้านบาท โดยบริษัทได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2555 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2559 ส่วนความคืบหน้าของการก่อสร้างนั้นเป็นไปตามแผนของบริษัท

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลจากการเติบโตที่สม่ำเสมอของปริมาณการจราจรบนเครือข่ายทางด่วนของบริษัท ในปี 2556 ปริมาณจราจรบนทางด่วนเพิ่มขึ้น 1.4% เฉลี่ยอยู่ที่ 1.100 ล้านเที่ยวต่อวัน จากปี 2555 ที่ 1.085 ล้านเที่ยวต่อวันแม้จะมีการปรับขึ้นค่าผ่าน ในเดือนกันยายน 2556 แล้วก็ตาม บริษัทปรับขึ้นค่าผ่านทางของทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ในอัตรา 5-10 บาทตามประเภทของยานพาหนะ และในเดือนพฤศจิกายน 2556 ได้ปรับขึ้นค่าผ่านทางส่วน C+ ในอัตรา 5 บาทสำหรับรถ 6-10 ล้อ และ 10 บาทสำหรับรถ 10 ล้อขึ้นไป รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยต่อวันในปี 2556 เท่ากับ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อน ปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง และการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือนส่งผลด้านลบต่อความต้องการใช้ทางด่วนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2557 กล่าวคือ ปริมาณจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยต่อวันลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.070 ล้านเที่ยวต่อวัน การลดลงดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในทางด่วนเขตเมือง อย่างไรก็ดี รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยต่อวันเติบโต 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 22.5 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นค่าผ่านทางในปี 2556

ฐานะการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง แม้บริษัทจะมีอัตรากำไรที่สูง แต่ก็มีภาระหนี้จากการลงทุนในระดับสูงเช่นกัน ในปี 2556 บริษัทมีรายได้ค่าผ่านทาง 8,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน ในขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 2557 ที่แม้จะมีปริมาณการจราจรลดลง แต่รายได้ค่าผ่านทางของบริษัทยังเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2,045 ล้านบาท ฐานะสภาพคล่องของบริษัทอ่อนตัวลงโดยมีสาเหตุหลักมาจากการลงทุนในโครงการ SOE ซึ่งบริษัทมีแผนการลงทุนโดยใช้เงินกู้ระยะยาวประมาณ 75% ของมูลค่าการลงทุน หรือ 19,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะเป็นกระแสเงินสดภายในบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีเงินกู้ที่ใช้สำหรับโครงการ SOE รวม 5,400 ล้านบาท ส่งผลให้หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 29,984 ล้านบาท และทำให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอ่อนตัวลงไปอยู่ที่ 19.70% (ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) ในไตรมาสแรกของปี 2557 เปรียบเทียบกับ 21.62% ในปี 2556

ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 บริษัทได้ปฏิบัติตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 12 เรื่อง ข้อตกลงสัมปทานบริการ ซึ่งภายใต้สัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 นั้น บริษัทมีภาระผูกพันในการจ่ายค่าทดแทนสำหรับการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนที่ต้องจ่ายให้แก่ กทพ. จำนวน 16,816 ล้านบาท การปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ส่งผลให้บริษัทต้องบันทึกหนี้สินจากภาระในการจ่ายค่าทดแทนดังกล่าวและต้องคำนวณภาระหนี้ดังกล่าวใหม่ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้มีการปรับปรุงงบการเงินของบริษัท ณ วันที่ 1 มกราคม 2557 คือ บริษัทมีสินทรัพย์ไม่มีตัวตนเพิ่มขึ้น 1,895 ล้านบาทตามสิทธิที่เหลือในการใช้พื้นที่ก่อสร้างทางด่วน และมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากภาระในการจ่ายค่าทดแทนดังกล่าว 7,620 ล้านบาท และมีผลให้กำไรสะสมของบริษัทลดลง 4,833 ล้านบาท อย่างไรก็ดี การปฏิบัติตามมาตรฐานรายงานทางการเงินดังกล่าวไม่มีผลให้บริษัทต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้นและไม่กระทบต่อตารางการจ่ายเงินค่าทดแทนสำหรับการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนจริงตามที่บริษัทได้ตกลงไว้กับ กทพ.

ในการวิเคราะห์ฐานะการเงินของบริษัท ทริสเรทติ้งได้มีการคำนวณมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพันในการจ่ายค่าทดแทนสำหรับการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนดังกล่าวให้เป็นภาระหนี้ของบริษัทไว้แล้ว อย่างไรก็ดี การปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ก็ส่งผลกระทบต่อทั้งภาระหนี้และส่วนของผู้ถือหุ้นด้วย กล่าวคือ ทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงกว่าที่มีการประมาณการไว้เล็กน้อย หลังการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ บริษัทมีเงินกู้รวม (ที่มีการปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนเท่ากับ 59.86% ในปี 2556 เมื่อเทียบกับ 55.17% ในปี 2555 และเพิ่มขึ้นเป็น 61.84% ในไตรมาสแรกของปี 2557 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลงทุนในโครงการทางด่วนใหม่ของบริษัท

แม้ความต้องการใช้ทางด่วนจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ทริสเรทติ้งคาดการณ์โดยภาพรวมแล้วเห็นว่าความต้องการใช้ทางด่วนยังมีแนวโน้มในทางบวกด้วยอัตราการเติบโตในระดับปานกลาง โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของปริมาณจราจร ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยไปยังเขตปริมณฑล ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ประมาณ 2%-5% ต่อไปในระยะ 3 ปีข้างหน้า และบริษัทจะดำรงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอเพื่อให้เพียงพอที่จะชำระหนี้ รวมทั้งลงทุนตามแผน และจ่ายเงินปันผล บริษัทได้รับการคาดหมายให้มีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ระดับ 5,000-5,500 ล้านบาทต่อปีในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยพิจารณาถึงต้นทุนทางการเงินที่จะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนของบริษัทและการปรับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลกลับมาเป็น 30% ในปี 2558 ในส่วนของโครงสร้างเงินทุนนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและสูงสุดถึงระดับประมาณ 70% ในช่วงการก่อสร้างโครงการ SOE

บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BECL148A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
BECL153A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
BECL163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL163B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL172A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
BECL183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BECL18NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BECL192A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
BECL203A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
BECL214A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ