ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 19,600 ล้านบาทของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่ระดับ “AAA” โดยหุ้นกู้ชุดใหม่จะแบ่งเป็นวงเงินไม่เกิน 8,200 ล้านบาทไถ่ถอนภายในปี 2562 และวงเงินไม่เกิน 11,400 ล้านบาทไถ่ถอนภายในปี 2572 พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AAA” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “AA” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของ ปตท.สผ. อยู่ 2 ระดับสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิและความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารอาจถูกเลื่อนนัดการชำระดอกเบี้ยของตราสารดังกล่าวได้ ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้สำหรับการลงทุนและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทสะท้อนสถานะผู้นำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ตลอดจนปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีมากพอ การสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการถือสัมปทานปิโตรเลียม และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนลงจากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า ปตท.สผ. จะยังคงดำรงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้ โดยคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 0.5 เท่าตามนโยบายทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นระดับที่ได้พิจารณารวมไปถึงโอกาสที่บริษัทจะซื้อกิจการครั้งใหม่และศักยภาพของบริษัทที่จะสามารถรองรับความผันผวนของราคาปิโตรเลียมและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานในต่างประเทศได้
ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถือสิทธิ์สัมปทานปิโตรเลียมในนามของรัฐบาลไทย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติถือหุ้นใน ปตท.สผ. ในสัดส่วน 65.3% ทั้ง ปตท. และ ปตท.สผ. ยังคงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณของไทย การเป็นตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมทำให้ ปตท.สผ. ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการสัมปทานปิโตรเลียมที่สำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 ปตท.สผ. มีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 42 โครงการใน 10 ประเทศ ซึ่งมี 23 โครงการอยู่ในขั้นตอนการผลิต และโครงการส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนา
บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วทั้งหมดซึ่งรวมถึงแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศที่ระดับ 846 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ บริษัทมีสัดส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากโครงการในต่างประเทศคิดเป็น 47% ของปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว จากอัตราการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทที่ 329,371 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2556 ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทจะผลิตได้นานประมาณ 7 ปี ต่ำกว่าปริมาณสำรองของผู้ประกอบการระดับโลกที่มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-15 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการระดับโลกรายอื่นแล้ว ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลิต (Lifting Cost) ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 4.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2556 เป็น 5.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ซึ่งสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงของแหล่งมอนทารา
บริษัทยังคงมีฐานะการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่ง และสถานะทางการเงินของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 ยังอยู่ในประมาณการของทริสเรทติ้ง ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 บริษัทมีรายได้ลดลงเล็กน้อย 0.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ราคาขายเฉลี่ยลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเหลือ 64.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ในขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 298,621 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการเริ่มผลิตของโครงการมอนทาร่าเมื่อกลางปี 2556 และการซื้อสัดส่วนลงทุนในแหล่ง Natuna Sea A ในช่วงปลายปี 2556 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 1,285 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของประมาณการทั้งปีโดยทริสเรทติ้ง โครงสร้างเงินทุนของบริษัทจัดว่ามีความแข็งแกร่ง บริษัทมีเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้วด้วยสัญญาเช่าดำเนินงานและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) จำนวน 4,243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 26.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่ดี โดยบริษัทมีเงินสดในมือ 3,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557
แผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนระยะ 5 ปีของบริษัทระหว่างปี 2557-2561 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 16,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนดังกล่าวเพื่อรองรับแผนเพิ่มปริมาณการผลิตของบริษัทเป็น 2 เท่า จากระดับประมาณ 329,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2556 เป็น 600,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2563 โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายจำนวน 271,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันนั้นจะมาจากโครงการในปัจจุบันของบริษัทที่อยู่ในระยะการสำรวจและพัฒนา รวมถึงการซื้อกิจการโครงการที่อยู่ในระยะการผลิตหรือใกล้ที่จะผลิตปิโตรเลียมแล้ว โครงการในปัจจุบันที่จะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตให้แก่บริษัทส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างประเทศ เช่น โครงการ Rovuma Offshore Area 1 ในสาธารณรัฐโมซัมบิก โครงการ Oil Sand ในประเทศแคนาดา และโครงการ M3 ในสหภาพพม่า ซึ่งโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในปี 2561-2562
ในช่วงปี 2557-2559 ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ประมาณ 5,500-5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีโดยอยู่บนสมมติฐานที่ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 330,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันและราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ 64.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยมีแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 ที่ประมาณ 10,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่บริษัทมีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้ในช่วงปี 2557-2559 ประมาณ 1,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นชำระคืนในปี 2557 จำนวน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2558 จำนวน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไม่มีภาระการชำระคืนเงินกู้ในปี 2559 โดยจากสมมติฐานดังกล่าวคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30% ในช่วงปี 2557-2559
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html