ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ไทยคม” เป็น “A-” จาก “BBB+” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable&rdq

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 6, 2014 13:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A-” จาก “BBB+” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปลงทุนในดาวเทียมไทยคม 7 และใช้ชำระเงินกู้เดิม นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Stable” หรือ” คงที่ จาก “Positive” หรือ “บวก” ด้วย

อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัทไทยคมโดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากความจุช่องสัญญาณที่เพิ่มขึ้นจากดาวเทียมไทยคม 6 และดาวเทียม 2 ดวงใหม่ คือ ดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ที่คาดว่าจะปล่อยเข้าสู่วงโคจรในช่วง 1-2 ปีนี้ โดยความจุช่องสัญญาณที่เพิ่มขึ้นจะสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในการให้บริการแก่ธุรกิจการกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศรวมทั้งบริการด้านโทรคมนาคม อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นยังสะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของดาวเทียมบรอดแบนด์ (ไอพีสตาร์) และโครงสร้างเงินทุนที่พอเหมาะในการรองรับการลงทุนในดาวเทียมดวงใหม่ด้วย ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังรวมถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย ตลอดจนความต้องการใช้บริการดาวเทียมภายในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้านที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็มีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ รวมถึงจากกฎระเบียบที่ซับซ้อนในธุรกิจสื่อสารดาวเทียม และค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนก้อนใหญ่สำหรับการลงทุนในดาวเทียมดวงใหม่

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินงานที่แข็งแกร่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันให้ต้องปรับลดลงหากระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับเกินกว่า 50%

บริษัทไทยคมก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2537 บริษัทมี บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ณ เดือนเมษายน 2557 ที่ 41% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทให้บริการการสื่อสารด้วยดาวเทียมแบบวงโคจรค้างฟ้าจำนวน 3 ดวง โดยเป็นดาวเทียมแบบทั่วไป 2 ดวง คือ ไทยคม 5 และไทยคม 6 และดาวเทียมบรอดแบนด์ 1 ดวง คือ ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ และยังลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศลาว ตลอดจนธุรกิจการให้บริการสื่อด้วย ในปี 2556 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 7,896 ล้านบาท เติบโต 9% จากปี 2555 และอยู่ที่ 2,374 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้ค่าก่อสร้างภายใต้สัญญาอนุญาตให้ดำเนินการ) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 โดยรายได้จากดาวเทียมแบบทั่วไปคิดเป็นสัดส่วน 43% ของรายได้รวมในปี 2556 ในขณะที่ดาวเทียมไอพีสตาร์สร้างรายได้ประมาณ 45% ฐานลูกค้าดาวเทียมทั่วไปของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนฐานลูกค้าดาวเทียมไอพีสตาร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย และจีน

สถานะที่แข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทได้รับแรงหนุนจากลักษณะของธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าได้ยาก โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การมีตำแหน่งวงโคจรที่จำกัด เงินลงทุนที่สูง และขั้นตอนของกฎระเบียบที่ซับซ้อน โดยรายได้จากธุรกิจดาวเทียมส่วนใหญ่อยู่ภายใต้สัญญาเช่าระยะเวลา 3-10 ปี โอกาสการเติบโตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเติบโตของธุรกิจกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศรวมทั้งธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

หลังจากดาวเทียมไทยคม 6 ถูกปล่อยสู่วงโคจรในเดือนมกราคม 2557 จำนวนช่องโทรทัศน์บนดาวเทียมของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็น 667 ช่อง ณ ปลายเดือนมีนาคม 2557 เปรียบเทียบกับ 465 ช่องในปี 2556 และ 427 ช่องในปี 2554 คาดว่าความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมสำหรับธุรกิจการกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศในประเทศไทยจะยังคงแข็งแกร่งซึ่งได้รับแรงหนุนจากหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) และช่องโทรทัศน์ที่มีความละเอียดสูง (High-definition -- HD) ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีมูลค่างานจากการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไป (รายได้ที่จะรับรู้ในอนาคตตามสัญญาที่มีอยู่) จำนวน 632 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 20,000 ล้านบาท บริษัทวางแผนจะปล่อยดาวเทียมดวงใหม่ คือ ดาวเทียมไทยคม 7 สู่วงโคจรในช่วงกลางปี 2557 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทขายช่องรับส่งสัญญาณดาวเทียมไทยคม 7 ล่วงหน้าได้ประมาณ 40% ของความจุทั้งหมดของดาวเทียมไทยคม 7 ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทยังคาดว่าจะปล่อยดาวเทียมไทยคม 8 สู่วงโคจรในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 อีกด้วย

บริษัทเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์เพียงรายเดียวในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกโดยเน้นขายช่องสัญญาณบรอดแบนด์ให้แก่บริษัทโทรคมนาคม ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และโครงการภาครัฐ อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์เพิ่มขึ้นจาก 25.2% ในปี 2555 เป็น 53.4% ในปี 2556 โดยเพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้ดาวเทียมไอพีสตาร์ในประเทศจีน ไทย และอินเดียเป็นสำคัญ ในช่วงปลายปี 2556 บริษัทได้ขายช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ทั้งหมดที่จัดสรรสำหรับประเทศจีนหรือคิดเป็น 24% ของช่องสัญญาณทั้งหมดโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าบริการขั้นต่ำและส่วนแบ่งรายได้ที่มาจากการให้บริการ ทั้งนี้ รายได้จากไอพีสตาร์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 1,043 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 808 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

สถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยได้รับแรงหนุนจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้นและระดับภาระหนี้สินที่รับได้ ในช่วงปี 2557-2559 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 10,000-12,000 ล้านบาทต่อปี โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจจะมาจากอัตราการใช้ดาวเทียมไทยคม 6 ที่สูงขึ้นและการปล่อยดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 สู่วงโคจรอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (หรือกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ในช่วง 47%-53% ในช่วงปี 2554-2556 อัตรากำไรจากการดำเนินงานได้รับแรงผลักดันจากการขยายบริการดาวเทียมไอพีสตาร์ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงมาอยู่ที่ 45% สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 จากภาระค่าเช่าดาวเทียมอื่นเพื่อให้บริการแทนดาวเทียมไทยคม 6 เป็นการชั่วคราว ในช่วงปี 2557-2559 คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับ 45%-48% โดยได้รับแรงหนุนจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2556 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,398 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 2,800 ล้านในปี 2555 ในช่วงปี 2557-2559 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วง 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะสูงกว่า 40% ในช่วงเดียวกัน

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ประมาณ 35% ในปี 2555 และ 2556 ลดลงจาก 42% ในปี 2554 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 โดยรวมประมาณ 10,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 นอกจากนี้ ยังคาดว่าระดับภาระหนี้สินของบริษัทในช่วงปี 2557-2559 จะเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น คาดว่าบริษัทจะใช้กระแสเงินสดภายในบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนเพื่อการลงทุน ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ในระดับไม่เกิน 45% ในปี 2557-2559

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THCOM14NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ