ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ได้เริ่มธุรกิจธนาคารในกรุงเทพฯ ภายใต้รูปแบบสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2490 และต่อมาได้ยกระดับขึ้นเป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในปี 2548 โดยให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าชาวไต้หวันและบริษัทที่เกี่ยวข้องกันที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลัก ธนาคารถือเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแม่ทั้งในด้านกลยุทธ์ รูปแบบการดำเนินธุรกิจ และระบบการปฏิบัติงาน โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านชื่อเสียงของธนาคารแม่เพื่อขยายธุรกิจในประเทศ ทั้งนี้ ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารมาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างธนาคารแม่กับบริษัทไต้หวันที่ลงทุนหรือมีบริษัทลูกในประเทศไทย นอกจากนี้ วงเงินเสริมสภาพคล่องที่ได้รับจากธนาคารแม่ยังช่วยให้ธนาคารมีสภาพคล่องที่เพียงพอและเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินด้วย ธนาคารแม่ยังคงสถานะการเป็นผู้นำในธุรกิจเงินตราต่างประเทศและธุรกิจธนาคารในต่างประเทศโดยได้รับอันดับเครดิต “A1” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) และ “A” จาก Standard and Poor’s (S&P) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทั้ง 2 สถาบัน
ณ เดือนธันวาคม 2556 ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ เป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์น้อยที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย 16 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งของสินเชื่อและของเงินรับฝากเพียงประเภทละ 0.1% ธนาคารมีขอบเขตของธุรกิจค่อนข้างน้อยและมีเครือข่ายธุรกิจที่จำกัดโดยให้บริการทางการเงินผ่านสาขาในประเทศจำนวน 4 สาขา ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2556 ธนาคารมีสินเชื่อทั้งสิ้น 1.38 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% จากปี 2555 ธนาคารมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกหนี้เนื่องจากมีลูกหนี้รายใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งลูกหนี้ที่มีอยู่นั้นยังไม่ค่อยมีความหลากหลายทั้งในแง่ของประเภทธุรกิจและสถานที่ตั้ง
ธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้นจากการลดลงของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน) ตั้งแต่ปี 2552 ถึงปี 2556 โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเท่ากับ 1.8% ในปี 2556 ลดลงจาก 3.2% ในปี 2552 นอกจากนี้ ธนาคารยังมีปริมาณสำรองหนี้สงสัยจะสูญส่วนเกินจำนวนมาก โดยมีสำรอง ณ สิ้นปี 2556 คิดเป็น 220% ของเกณฑ์ขั้นต่ำ ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนธันวาคม 2556 มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 30.2% และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 31.3% เงินกองทุนที่แข็งแกร่งนี้น่าจะเพียงพอสำหรับรองรับผลขาดทุนที่เกินกว่าที่คาดการณ์ในช่วงเศรษฐกิจขาลง
ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารยังคงเป็นที่น่าพอใจแม้ว่าจะลดลงจากปีที่แล้ว โดยในปี 2556 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามการหดตัวของสินเชื่อ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในปี 2556 เท่ากับ 1.42% ลดลงจาก 1.51% ในปี 2555 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในปี 2556 ที่ระดับ 1.54%
ธนาคารมีสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่มากเพียงพอต่อความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น และนอกจากเงินรับฝากแล้ว ธนาคารยังมีแหล่งเงินทุนสกุลเงินตราต่างประเทศจากสถาบันการเงินในต่างประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกันเพื่อใช้รองรับการให้สินเชื่อที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ โดย ณ เดือนธันวาคม 2556 โครงสร้างเงินทุนของธนาคารประกอบด้วยเงินรับฝากในสัดส่วน 47% ของเงินทุนรวม ส่วนของผู้ถือหุ้น 31% และเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารและในตลาดเงิน 22% ทั้งนี้ เงินรับฝากยังคงมีการกระจุกตัวโดยส่วนใหญ่มาจากลูกค้าบริษัทไต้หวันรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแม่ช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลงได้และยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่ธนาคารด้วย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html