ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กร บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% โดย DBS Vickers Securities Holdings Pte., Ltd. (DBSVSH) หนึ่งในสมาชิกในกลุ่มธนาคารดีบีเอสในประเทศสิงคโปร์ ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตของบริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนาคารดีบีเอสซึ่งให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและอื่น ๆ แก่บริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและทรัพยากร รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจกับลูกค้าในฐานลูกค้าของกลุ่มธนาคารดีบีเอส อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์และแรงกดดันจากการลดลงของอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ หลังการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 2555 ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่ สะท้อนถึง ความสามารถในการรักษาสถานะทางการตลาด และผลประกอบการทางการเงินของบริษัทในระยะปานกลาง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในการแข่งขันที่รุนแรง และแรงกดดันจากแนวโน้มที่ลดลงของอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หลังการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงฐานะการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ ที่มีบทบาทในธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระดับสากลของกลุ่มธนาคารดีบีเอส และจะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธนาคารดีบีเอสต่อไป ทริสเรทติ้งยังคงคาดหวังว่า บริษัทจะกระจายการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ และออกผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
บล. ดีบีเอส วิคเคอร์สดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักโดยมีธุรกิจสนับสนุนอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน ฐานะทางการเงินและการกระจายตัวด้านรายได้ของบริษัทดีขึ้นตั้งแต่ปี 2554 รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นรายได้หลักที่คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ 82% ของรายได้รวมในปี 2556 ลดลงจากสัดส่วน 84% ในปี 2555 รายได้จากดอกเบี้ยซึ่งส่วนใหญ่มาจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของรายได้รวมในปี 2556 รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจของบริษัทเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการมีจำนวน 21 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.5% ของรายได้รวมในปี 2556 เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 2.4% ในปี 2555 ทั้งนี้ กำไรและขาดทุนจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทระงับธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ในนามของบริษัทเอง (Proprietary Trading)
ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.63% ในปี 2554 จาก 2.53% ในปี 2553 และ 2.01% ในปี 2552 ส่วนแบ่งทางการตลาดปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 2.87% ในปี 2555 และคงตัวในระดับ 2.84% ในปี 2556 และ 2.86%ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 16 จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด 33 ราย การสนับสนุนอย่างเต็มที่อย่างต่อเนื่องจากกลุ่มธนาคารดีบีเอสช่วยให้บริษัทสามารถรักษาฐานะทางการตลาดเอาไว้ได้ ภายใต้สภาวะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายจากลูกค้าของกลุ่มธนาคารดีบีเอสคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายในปี 2556 ของบริษัท
เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น บริษัทได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2555 อัตราเฉลี่ยของค่านายหน้าของบริษัทอยู่ในระดับ 0.14% ในปี 2555 และ 0.11% ในปี 2556 ซึ่งเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงจะยังคงดำเนินต่อไปหลังจากการเปิดเสรีเต็มรูปแบบเมื่อปี 2555 และจะสร้างแรงกดดันต่อความสามารถในการทำรายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในอนาคต
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากวิกฤตในปี 2551 เนื่องจากภาวะตลาดเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2552 บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2552 จำนวน 34 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 80 ล้านบาท และปี 2554 จำนวน 82 ล้านบาท ในปี 2555 บริษัทได้กำไรสุทธิจำนวน 122 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษจากการกลับรายการหนี้สูญกำไรสุทธิของบริษัทจะเท่ากับ 58 ล้านบาท และในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 108 ล้านบาท ตามการลดลงของค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ย อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิได้รับการชดเชยในสัดส่วนที่มากกว่าจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากการเปิดเสรีคาดว่าจะค่อย ๆ จำกัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมการสร้างเสถียรภาพความสามารถในการทำรายได้โดยการขยายงานไปยังธุรกิจที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ และออกผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
บริษัทมีสินทรัพย์รวมอยู่ในระดับ 2.8 พันล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 3.8 พันล้านบาทในปี 2556 โดยสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์คงค้างคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 53% ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้นจาก 1,117 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 2,040 ล้านบาทในปี 2556 จากการที่บริษัทมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยที่สินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์คงค้างคิดเป็นสัดส่วน 4.46% ของทั้งอุตสาหกรรม ทั้งนี้ การขยายสินเชื่อควบคู่กับมาตรการในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดยิ่งขึ้นน่าจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากธุรกรรมนี้ได้
บริษัทมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำจากการลงทุน อีกทั้งยังคงมีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอ ณ เดือนธันวาคม 2556 บริษัทใช้วงเงินกู้ยืมไปประมาณ 32.8% จากวงเงินทั้งสิ้น 2.66 พันล้านบาทจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ภายในประเทศ วงเงินจากกลุ่มธนาคารดีบีเอสจำนวน 390 ล้านบาทยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความยืดหยุ่นอีกด้วย โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนตัวลงในปี 2556 เนื่องมาจากการจ่ายเงินปันผลจำนวน 100 ล้านบาท และการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีทุนที่เพียงพอสำหรับการประกอบธุรกิจโดยส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 1,069 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2555 ในขณะเดียวกันก็มีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Rule -- NCR) อยู่ที่ระดับ 51.6% ยังคงสูงกว่าเกณฑ์ 7% ที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ค่อนข้างมาก
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html