ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บล. ภัทร มีฐานลูกค้านักลงทุนสถาบันและโครงสร้างธุรกิจที่เข้มแข็ง การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Bank of America Merrill Lynch (ML) ช่วยให้บริษัทได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูล ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายนักลงทุนทั่วโลกของ ML งานวิจัยของบริษัทก็ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพระดับแนวหน้าของประเทศ ทั้งนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในส่วนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศในปี 2556 อยู่ในระดับสูงที่ 9.7% และ 8.6% ตามลำดับ
จุดแข็งอีกประการหนึ่งของบริษัทคือการให้บริการที่ปรึกษาการลงทุน ซึ่งบริษัทเน้นลูกค้าบุคคลรายใหญ่โดยมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ การให้บริการที่แตกต่างทำให้บริษัทสามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคากับบริษัทหลักทรัพย์อื่นได้
บล. ภัทร มีประสบการณ์ด้านวาณิชธนกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่บริษัทมีกับบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมาก ประกอบกับการมีเครือข่ายภายในประเทศและต่างประเทศที่เข้มแข็งน่าจะช่วยรักษาความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจนี้ได้ รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจของบริษัทตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับเฉลี่ย 335 ล้านบาทต่อปี (คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดราว 20%) ภายหลังการควบรวมกิจการกับธนาคารเกียรตินาคิน บริษัทจะสามารถให้บริการทางการเงินที่ครบถ้วนมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการระดมทุนของลูกค้า ซึ่งน่าจะช่วยเสริมความเข้มแข็งในธุรกิจวาณิชธนกิจให้แก่บริษัทต่อไปในระยะยาว
ธนาคารเกียรตินาคินได้กลายมาเป็นบริษัทแม่ของบริษัทในเดือนกันยายน 2554 หลังจากธนาคารเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 99.9% ใน บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัททุนภัทรถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 99.8% การเป็นบริษัทลูกของธนาคารเกียรตินาคินทำให้บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อ 6,350 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินให้ใช้ร่วมกันในกลุ่มตลาดทุนของธนาคาร แหล่งเงินทุนเพิ่มเติมนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานให้แก่ บล. ภัทร อย่างไรก็ตาม หลังจากมีวงเงินสินเชื่อดังกล่าว บริษัทมีแผนจะเพิ่มวงเงินในธุรกิจการลงทุนในสัดส่วนที่สูง ซึ่งแม้ว่ากลยุทธ์การลงทุนของบริษัทจะมีลักษณะที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่ผันผวนตามการเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม แต่การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมที่มีความเสี่ยงแฝงอยู่เหล่านี้ย่อมเป็นปัจจัยที่กระทบต่อความเสี่ยงโดยรวมของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าระบบบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทจะยังคงมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากธุรกิจการลงทุนของบริษัท
กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2556 โตขึ้น 129% มาอยู่ที่ 1,309 ล้านบาท จาก 571 ล้านบาทในปี 2555 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นและรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจที่เพิ่มขึ้น ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับที่ดีและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในระดับต่ำเทียบกับคู่แข่ง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ในระดับ 39% ในปี 2556 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับสูงกว่า 50%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 บล. ภัทร มีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ที่มีฐานเงินทุนใหญ่ 10 อันดับแรก แม้จะมีฐานเงินทุนขนาดใหญ่ แต่บริษัทก็จัดว่าเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนสินทรัพย์รวมต่อทุนที่สูงมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 เท่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 เทียบกับ 2.8 เท่า ณ สิ้นปี 2555 และ 1.9 เท่า ณ สิ้นปี 2554 การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนนี้มาจากการขยายธุรกิจการลงทุนและการป้องกันความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่บริษัทออกขายแก่ลูกค้า อัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปของบริษัทอยู่ที่ 37% ณ สิ้นปี 2556 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนดไว้
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html