กรุงเทพ--6 ธ.ค.--ทริส
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลทบทวนอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่มีประกันมูลค่า 1,000 ล้านบาท ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในระดับ BBB คงเดิมซึ่งอันดับเครดิต สะท้อนความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องของบริษัทในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ธุรกิจ รายวันเดอะเนชั่นและกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์หลักที่ได้รับความนิยมและการยอมรับ อย่างกว้างขวางจากผู้อ่าน รวมทั้งการมีคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ โดยที่ผลการดำเนิน งานของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคากระดาษหนังสือพิมพ์และปริมาณโฆษณา
ในปี 2538 ธุรกิจหนังสือพิมพ์ได้รับผลกระทบจากราคากระดาษหนังสือพิมพ์ที่ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากและปริมาณของโฆษณาที่ชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา แต่เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น บริษัท ยังรักษาผลการดำเนินงานไว้ได้ในระดับที่ น่าพอใจ เนื่องจากการใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายและการขึ้นราคาหนังสือพิมพ์และอัตราคา โฆษณา ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานปีปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยเสริมจากการลดลง ของราคากระดาษหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ปลายปี 2538 เป็นต้นมาด้วย นอกจากนี้ บริษัทได้ลด ความเสี่ยงจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการขายเงินลงทุนบางส่วนในบริษัท เนชั่น พรอพ เพอร์ตี้ส์ จำกัด ออกไปโดยเหลือสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 18% ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ยอด ขายรวมของกลุ่มเนชั่นมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 20% ต่อปี โดยในปี 2538 มียอดสูงถึง 1,370 ล้านบาท ธุรกิจหลักคือสิ่งพิมพ์ทำกำไรถึง 75% ของกำไรรวมของกลุ่ม สิ่งพิมพ์ที่มี ชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างสูงคือหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นและกรุงเทพธุรกิจมียอดหมุน เวียนวันละ 55,000 ฉบับ และ 75,000 ฉบับ ตามลำดับบริษัทมีจุดเด่นทางการตลาด ได้แก่การใช้ระบบดาวเทียมช่วยในงานพิมพ์ ซึ่งมีผลให้ลูกค้าในส่วนภูมิภาคได้รับหนังสือพิมพ์ ฉบับเดียวกันกับกรุงเทพฯ ในเวลาใกล้เคียงกัน นับว่าเป็นบริการที่ทันเหตุการณ์และได้ เปรียบเหนือคู่แข่งในการเจาะตลาดภูมิภาค แต่ในระยะยาวสื่อหนังสือพิมพ์ยังคงเผชิญกับ ปัญหาต่าง ๆ เช่น การรักษาจำนวนผู้อ่าน การควบคุมต้นทุนการผลิต และการช่วงชิง ส่วนแบ่งตลาดโฆษณาของสื่ออื่นต่อไป
บริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์มานานถึง 25 ปี ปัจจุบันได้ขยายการ ดำเนินงานครอบคลุมสื่อหลายรูปแบบธุรกิจสื่อโฆษณาหลักคือ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าโฆษณาได้กว้างขึ้น รวมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นทางการตลาด เพราะมีช่องทางการส่งข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนในการรวบรวมข้อมูลข่าว สารด้วย บริษัทมีกำไรจากธุรกิจสื่อวิทยุและโทรทัศน์เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงในช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงราย ได้จากสิ่งพิมพ์ ในปี 2538 ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวลงไม่มากนัก โดยมีอัตรา ส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายลดลงจาก 20% ในปี 2537 เป็น 17% ซึ่งสะท้อน ถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบริษัท มีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับสูงที่ 60% ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเพียง เล็กน้อยเนื่องจากการลงทุนที่ต่อเนื่องในอนาคต เช่นเดียวกับอัตราส่วนเงินทุนจากการ ดำเนินงานต่อหนี้สินรวมที่ระดับ 15% ในปัจจุบันที่จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย--จบ--
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลทบทวนอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่มีประกันมูลค่า 1,000 ล้านบาท ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในระดับ BBB คงเดิมซึ่งอันดับเครดิต สะท้อนความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องของบริษัทในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ธุรกิจ รายวันเดอะเนชั่นและกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์หลักที่ได้รับความนิยมและการยอมรับ อย่างกว้างขวางจากผู้อ่าน รวมทั้งการมีคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ โดยที่ผลการดำเนิน งานของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคากระดาษหนังสือพิมพ์และปริมาณโฆษณา
ในปี 2538 ธุรกิจหนังสือพิมพ์ได้รับผลกระทบจากราคากระดาษหนังสือพิมพ์ที่ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากและปริมาณของโฆษณาที่ชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา แต่เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น บริษัท ยังรักษาผลการดำเนินงานไว้ได้ในระดับที่ น่าพอใจ เนื่องจากการใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายและการขึ้นราคาหนังสือพิมพ์และอัตราคา โฆษณา ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานปีปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยเสริมจากการลดลง ของราคากระดาษหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ปลายปี 2538 เป็นต้นมาด้วย นอกจากนี้ บริษัทได้ลด ความเสี่ยงจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการขายเงินลงทุนบางส่วนในบริษัท เนชั่น พรอพ เพอร์ตี้ส์ จำกัด ออกไปโดยเหลือสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 18% ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ยอด ขายรวมของกลุ่มเนชั่นมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 20% ต่อปี โดยในปี 2538 มียอดสูงถึง 1,370 ล้านบาท ธุรกิจหลักคือสิ่งพิมพ์ทำกำไรถึง 75% ของกำไรรวมของกลุ่ม สิ่งพิมพ์ที่มี ชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างสูงคือหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นและกรุงเทพธุรกิจมียอดหมุน เวียนวันละ 55,000 ฉบับ และ 75,000 ฉบับ ตามลำดับบริษัทมีจุดเด่นทางการตลาด ได้แก่การใช้ระบบดาวเทียมช่วยในงานพิมพ์ ซึ่งมีผลให้ลูกค้าในส่วนภูมิภาคได้รับหนังสือพิมพ์ ฉบับเดียวกันกับกรุงเทพฯ ในเวลาใกล้เคียงกัน นับว่าเป็นบริการที่ทันเหตุการณ์และได้ เปรียบเหนือคู่แข่งในการเจาะตลาดภูมิภาค แต่ในระยะยาวสื่อหนังสือพิมพ์ยังคงเผชิญกับ ปัญหาต่าง ๆ เช่น การรักษาจำนวนผู้อ่าน การควบคุมต้นทุนการผลิต และการช่วงชิง ส่วนแบ่งตลาดโฆษณาของสื่ออื่นต่อไป
บริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์มานานถึง 25 ปี ปัจจุบันได้ขยายการ ดำเนินงานครอบคลุมสื่อหลายรูปแบบธุรกิจสื่อโฆษณาหลักคือ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าโฆษณาได้กว้างขึ้น รวมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นทางการตลาด เพราะมีช่องทางการส่งข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนในการรวบรวมข้อมูลข่าว สารด้วย บริษัทมีกำไรจากธุรกิจสื่อวิทยุและโทรทัศน์เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงในช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงราย ได้จากสิ่งพิมพ์ ในปี 2538 ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวลงไม่มากนัก โดยมีอัตรา ส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายลดลงจาก 20% ในปี 2537 เป็น 17% ซึ่งสะท้อน ถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบริษัท มีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับสูงที่ 60% ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเพียง เล็กน้อยเนื่องจากการลงทุนที่ต่อเนื่องในอนาคต เช่นเดียวกับอัตราส่วนเงินทุนจากการ ดำเนินงานต่อหนี้สินรวมที่ระดับ 15% ในปัจจุบันที่จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย--จบ--