บริษัทขยายกิจการโดยการร่วมทุนกับคู่ค้าต่างประเทศเพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยถือหุ้น 49% ใน บริษัท แม็คคีย์ ฟู้ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (McKey) และถือหุ้น 49% ใน บริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด (GFN) McKey เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ให้แก่ร้านแม็คโดนัลด์ในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิชิเรซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนใน GFN เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายในประเทศญี่ปุ่นโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดอาหารแช่แข็งในประเทศญี่ปุ่นในสัดส่วน 21% ในปี 2556 บริษัทจีเอฟพีทีเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่อันดับ 7 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 4% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของประเทศไทยในปี 2556 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งมีส่วนแบ่งการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แห่งละ 3%-4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งให้ส่วนแบ่งกำไรรวม 163 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 13.2% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัท การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกสำหรับการส่งออกช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าของบริษัท นอกเหนือจากการส่งออกโดยตรงแล้ว บริษัทยังจำหน่ายเนื้อไก่ชำแหละให้แก่โรงงานของบริษัทร่วมทุนเพื่อการส่งออกและโรงงานแปรรูปเนื้อไก่อื่น ๆ ด้วย ระหว่างปี 2556 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2557 รายได้ของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและปรุงสุกสำหรับการส่งออกโดยตรงและทางอ้อมคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวมของบริษัท
หลังจากประสบกับภาวะตกต่ำอย่างหนักในปี 2555 อุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทยก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2556 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เนื่องมาจากปริมาณความต้องการไก่เพื่อการส่งออกที่เติบโตอย่างมาก กอรปกับภาวะอุปสงค์และอุปทานไก่ในประเทศที่เริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาขายไก่ทั้งส่งออกและภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น รายได้ของบริษัทเติบโตเป็น 16,699 ล้านบาทในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 8.6% จาก 15,370 ล้านบาทในปี 2555 โดยมีสาเหตุจากราคาขายที่สูงขึ้นและปริมาณส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทส่งออกไก่โดยตรงรวม 22,461 ตันในปี 2556 เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 นอกจากนี้ ปริมาณขายไก่เป็นที่ส่วนใหญ่ขายให้แก่ GFN ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่ก็เติบโต 8% ในปี 2556 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 6.5% ในปี 2555 เป็น 13.7% ในปี 2556 ซึ่งเป็นผลจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูง ราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นและราคาอาหารสัตว์ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลทำให้ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านบาทในปี 2556 จากระดับ1,500-1,900 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2551-2554 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ราคาขายไก่ส่งออกและไก่ในประเทศที่อยู่ในระดับสูงยังคงผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีอย่างต่อเนื่อง ยอดขายของบริษัทเติบโต 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อยู่ที่ระดับ 8,517 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายของเนื้อไก่ส่งออกที่เพิ่มขึ้นและรายได้จากการขายไก่เป็นให้ GFN ที่สูงขึ้น โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและปรุงสุกสำหรับการส่งออกโดยตรงและการส่งออกทางอ้อมของบริษัทในช่วงเดียวกันของปี 2557 เพิ่มขึ้น 10.4% มาอยู่ที่ระดับ 2,466 ล้านบาท ในขณะที่ปริมาณขายเนื้อไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกในตลาดที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกเพิ่มขึ้น 2% หรืออยู่ที่จำนวน 19,391 ตัน การส่งออกเนื้อไก่สดที่เพิ่มสูงขึ้นช่วยชดเชยปริมาณเนื้อไก่ชำแหละส่งออกทางอ้อมของบริษัทที่ลดลง ความต้องการเนื้อไก่สดจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากหลังจากประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปและญี่ปุ่นได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทย รายได้จากการขายไก่เป็นให้ GFN ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 10.9% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 14.6% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 9.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งนั้นเกิดจากการที่ราคาขายไก่ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ค่อนข้างทรงตัว EBITDA ของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 มาอยู่ที่ 1,237 ล้านบาท การเติบโตในตลาดส่งออกส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนเติบโตด้วยเช่นกัน โดยบริษัทร่วมทุน GFN และ McKeys นำส่งผลกำไรตามวิธีส่วนได้เสียให้แก่บริษัทจำนวน 163 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 93 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในส่วนที่เหลือของปีจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีโดยได้รับอานิสงส์จากราคาไก่ในประเทศที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและความต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่ไม่ผันผวนมากนัก ปัญหาเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารในประเทศจีนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจผลักดันให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เนื้อไก่จากประเทศไทยเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการทยอยยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทยของหลายประเทศ ทำให้ความต้องการบริโภคไก่ไทยในต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้น การเติบโตของตลาดส่งออกจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทร่วมทุนทั้งสองยังคงดีอย่างต่อเนื่อง
งบดุลของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นจาก 49.4% ในปี 2555 มาอยู่ที่ระดับ 36.1% ในปี 2556 ณ เดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนดังกล่าวยังคงปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 34.6% สาเหตุหลักมาจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น ตลอดจนความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่ลดลง และภาระการลงทุนที่ไม่สูง อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 61.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ในช่วงปี 2557-2559 บริษัทมีแผนลงทุนประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายของแผนการลงทุนส่วนใหญ่เพื่อขยายฟาร์มไก่เนื้อและไก่พ่อแม่พันธุ์ ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจึงมีเพียงพอที่จะรองรับแผนการลงทุนของบริษัท
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html