บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “เนชั่นกรุ๊ป” เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสื่อในระดับแนวหน้าของไทย ณ เดือนมีนาคม 2557 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น (9.20%) และนายเสริมสิน สมะลาภา (9.08%) ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ สาระบันเทิง การศึกษา การพิมพ์ และขนส่ง ธุรกิจหลักของบริษัทได้แก ธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์และธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ โดยสร้างรายได้ 55% และ 31% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ตามลำดับ
รายได้ค่าโฆษณาถือเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยทั่วไป งบโฆษณาสำหรับทุกสื่อจะแปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของหนี้ภาคครัวเรือน และความไม่สงบทางการเมืองได้ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนและการบริโภคมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ทั้งนี้ ข้อมูลของสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยระบุว่างบโฆษณาในสื่อทุกประเภทลดลง 9.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า งบโฆษณาในภาคธุรกิจฟรีทีวี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 64% ของงบโฆษณาทั้งหมดลดลง 6.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าหลังจากเติบโตอย่างสม่ำเสมอในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 6.9% ในขณะที่งบโฆษณาในสื่อหนังสือพิมพ์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 12% ของงบโฆษณาทั้งหมดลดลง 15.2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่ารวมของการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ไม่มีการเติบโตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาวะไม่พึงประสงค์ของธุรกิจโฆษณาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 โดยบริษัทรายงานรายได้ที่ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,224 ล้านบาท
สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2557 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจหนังสือพิมพ์ลดลง 20% โดยอยู่ที่ 674 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 839 ล้านบาท นอกจากผลกระทบจากภาวะอุตสาหกรรมโฆษณาแล้ว การลดลงดังกล่าวยังสะท้อนถึงความนิยมในการอ่านหนังสือพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อสมัยใหม่อื่น ๆ เช่น อินเทอร์เนท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ของไทยเอาไว้ได้ แต่โอกาสเติบโตของสื่อดังกล่าวจัดว่ามีจำกัด
สำหรับธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพนั้น บริษัทได้ทำการออกอากาศช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง คือ ช่อง “NOW” ซึ่งเป็นช่องรายการทั่วไปด้วยความคมชัดมาตรฐาน และช่องข่าว “Nation TV” เมื่อเดือนเมษายน 2557 รายได้จากธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพก็ได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของธุรกิจโฆษณาเช่นกัน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้จากธุรกิจดังกล่าวของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 385 ล้านบาทจาก 380 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดังกล่าวมาจากธุรกิจทีวีดาวเทียมของบริษัทเป็นหลัก การดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลในระยะแรกนั้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการแจกคูปองทีวีดิจิตอลและการขยายโครงข่ายของผู้ให้บริการ ตลอดจนความสับสนในการเรียงช่องที่ต่างกันในแต่ละช่องทางการรับชม รวมไปถึงวิธีการวัดเรทติ้งรายการ อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดการณ์ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดให้มีการแจกคูปองทีวีดิจิตอลในเดือนตุลาคม 2557 คาดว่าการแจกคูปองจะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของระบบทีวีอนาลอกไปเป็นระบบดิจิตอล ทั้งนี้ ข้อมูลจาก บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่ามีผู้ชมทีวีดิจิตอลคิดเป็น 13% ของผู้ชมทั้งหมดในเดือนสิงหาคม 2557
ภาพรวมของอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในปี 2558 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ อาทิ งบการใช้จ่ายด้านโฆษณาที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และความเชื่อมั่นทางการเมืองที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีผู้ชมเพิ่มขึ้น หลังจากมีการแจกคูปองทีวีดิจิตอลและการขยายโครงข่ายการรับชมทีวีดิจิตอล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินโฆษณามาสู่ธุรกิจทีวีดิจิตอลมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ทริสเรทติ้งจึงยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อโอกาสการเติบโตของบริษัทจากธุรกิจทีวีดิจิตอล นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจทีวีอยู่แล้ว บริษัทจึงไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนักในระยะแรก ยกเว้นค่าใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอล นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้ประโยชน์ในการบริหารต้นทุนจากการมีสื่อหลายประเภทด้วย อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลของบริษัทจะมีปัจจัยกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง ค่าประมูลใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอลที่สูงทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันเพื่อดึงดูดผู้ชมและงบโฆษณา ทริสเรทติ้งเชื่อว่าช่อง “Nation TV” จะสามารถดึงดูดผู้ชมและงบโฆษณาได้จากการเป็นผู้นำด้านการผลิตรายการข่าวมาเป็นเวลานาน สำหรับช่อง “NOW” ที่วางตัวเป็นช่องธุรกิจและไลฟสไตล์นั้นจะมีเนื้อหาที่ตรงกับผู้ชมเฉพาะกลุ่มซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการดึงดูดผู้ชมและงบโฆษณา
ภาวะการดำเนินงานที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนตัวลง แต่ยังอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเพิ่มทุนของบริษัทในปี 2556 และการที่มีการแบ่งชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลออกเป็น 6 งวด โครงสร้างเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทจึงยอมรับได้ในอันดับเครดิตปัจจุบัน สำหรับครึ่งแรกของปี 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 61.30% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 18.16% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บริษัทมีภาระผูกพันที่จะต้องชำระค่าใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอลจำนวน 2,944 ล้านบาท ถ้านำภาระหนี้ดังกล่าวสุทธิจากเงินสดในมือของบริษัทมาพิจารณารวมด้วยแล้ว ฐานะการเงินของบริษัทจะอ่อนตัวลง แต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่มีการปรับรวมภาระหนี้แล้วอยู่ที่ 21.40% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่มีการปรับรวมภาระหนี้แล้วอยู่ที่ระดับ 38.85% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
ภาวะอุตสาหกรรมโฆษณาที่ชะลอตัวลงส่งผลทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทลดลงอยู่ที่ 13.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับ 17.4% ในปี 2556 ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่ารายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าต้นทุนและจะมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานถึงระดับ 800-900 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2558-2560 ในขณะที่บริษัทมีแผนจะลงทุนรวมประมาณ 350 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนธุรกิจทีวีดิจิตอลเป็นหลัก ซึ่งเมื่อรวมกับค่าใบอนุญาตที่บริษัทต้องชำระแล้วจะทำให้บริษัทต้องใช้เงินรวมประมาณ 2,300 ล้านบาทในช่วงปี 2558-2560 ด้วยเงินทุนจากการดำเนินงานและสภาพคล่องที่สำรองเอาไว้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html