ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของธนาคารอยู่ในระดับสูงโดยมีการอำนวยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนและความเสี่ยงสูงเพื่อลดทอนต้นทุนทางการเงินที่สูง ธนาคารมีความเสี่ยงด้านเครดิตในสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว รวมทั้งสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสินเชื่อการค้าในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนับเป็นกลุ่มสินเชื่อที่มีความเสี่ยงในระดับกลางถึงสูง
คุณภาพสินเชื่อของธนาคารถดถอยลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 4.7 พันล้านบาทในปี 2554 เป็น 7.3 พันล้านบาทในปี 2556 และ 10.8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนมิถุนายน 2557 เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในเดือนธันวาคม 2554 ธนาคารได้เริ่มตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้เช่าซื้อโดยใช้วิธีประมาณค่าความเสียหายเป็นกลุ่มลูกหนี้ (Collective Approach) ตั้งแต่ปี 2556 ส่งผลให้สัดส่วนของปริมาณสำรองที่มีอยู่เทียบกับสำรองขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 141% ในปี 2555 เป็น 187% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ปริมาณสำรองส่วนเกินลดลงเนื่องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยสำรองที่มีอยู่ลดลงมาที่ 131% ของสำรองขั้นต่ำ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเผชิญความท้าทายในการรักษาคุณภาพของสินเชื่อมิให้เสื่อมถอยลงไปอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่เอื้ออำนวย
ธนาคารมีกำไรสุทธิในปี 2556 จำนวน 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของธนาคารลดลงอย่างมากในงวดครึ่งแรกของปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 46% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 37% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น 13% อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในครึ่งแรกของปี 2557 เท่ากับ 0.51% (ไม่ได้ปรับเป็นรายปี) เทียบกับ 0.98% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ แม้ว่าธนาคารจะยังคงรักษาระดับผลตอบแทนที่สูงในธุรกิจหลักเอาไว้ได้ แต่ต้นทุนทางการเงินยังคงสูงที่สุดในระบบอันสะท้อนถึงความสามารถทางการแข่งขันของคู่แข่งที่มากกว่าธนาคาร เงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารลดลงเนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อ แต่ยังคงเพียงพอสำหรับการเติบโตในอนาคต โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 13.29% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 13.72% ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวของธนาคารยังคงสูงกว่าอัตราส่วนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 6.00% และ 8.50% ตามลำดับ
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html