ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ระดับ “A-/Positive”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 28, 2014 16:52 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ ธนาคารที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Positive” หรือ “บวก” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างความหลากหลายของธุรกิจภายหลังการรวมกิจการกับ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) กลายเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (กลุ่มเกียรตินาคินภัทร) อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงเงินกองทุนในระดับสูง รวมทั้งความเชี่ยวชาญของผู้บริหารในธุรกิจหลักของธนาคารอันได้แก่ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และธุรกิจตลาดทุน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนจากการมีส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดเล็ก รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่สูง และคุณภาพของสินเชื่อที่ถดถอยลง นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยยังอาจจำกัดการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารได้อีกด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะได้ประโยชน์จากการรวมกิจการและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับรักษาระดับความสามารถในการทำกำไร อีกทั้งยังสะท้อนความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งการรักษาฐานเงินทุนที่มีเสถียรภาพไว้ได้ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และดำรงเงินกองทุนอย่างเพียงพอเพื่อรองรับความเสียหายที่เกินกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้จากความเสี่ยงในอนาคต
ธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารขนาดเล็ก มีสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 10 จากธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 16 แห่ง โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 มีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 1.9% และเงินรับฝากที่ 1.5% กลุ่มเกียรตินาคินภัทรสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยกลุ่มได้มีการปรับโครงสร้างภายหลังการรวมกิจการ ซึ่งประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน การรวมกิจการช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจตลาดทุนได้อย่างดี แหล่งรายได้ของกลุ่มธุรกิจกระจายตัวยิ่งขึ้นจากการมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในธุรกิจตลาดทุนจำนวนมาก ทั้งนี้ ธนาคารจะมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นหากประสบความสำเร็จในการผสานพลังร่วมภายในกลุ่ม
ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีสินเชื่อรวมดอกเบี้ยค้างรับ 195.3 พันล้านบาท ธนาคารมีความเสี่ยงในการกระจุกตัวของสินเชื่อจากการมีสินเชื่อขนาดใหญ่เพียง 2 กลุ่ม ซึ่งได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (70% ของสินเชื่อรวม) และสินเชื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (20%) ตั้งแต่ปี 2550 ถึง 2555 สินเชื่อของธนาคารขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 21% ในช่วง 5 ปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยอดขายรถยนต์ปรับตัวลดลงในช่วงปี 2556 และครึ่งปีแรกของปี 2557 ส่งผลให้ธนาคารชะลอการเติบโตในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งนี้ สินเชื่อรวมของธนาคารเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2556 และ 6% ณ เดือนมิถุนายน 2557

ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของธนาคารอยู่ในระดับสูงโดยมีการอำนวยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนและความเสี่ยงสูงเพื่อลดทอนต้นทุนทางการเงินที่สูง ธนาคารมีความเสี่ยงด้านเครดิตในสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว รวมทั้งสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสินเชื่อการค้าในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนับเป็นกลุ่มสินเชื่อที่มีความเสี่ยงในระดับกลางถึงสูง

คุณภาพสินเชื่อของธนาคารถดถอยลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 4.7 พันล้านบาทในปี 2554 เป็น 7.3 พันล้านบาทในปี 2556 และ 10.8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนมิถุนายน 2557 เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในเดือนธันวาคม 2554 ธนาคารได้เริ่มตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้เช่าซื้อโดยใช้วิธีประมาณค่าความเสียหายเป็นกลุ่มลูกหนี้ (Collective Approach) ตั้งแต่ปี 2556 ส่งผลให้สัดส่วนของปริมาณสำรองที่มีอยู่เทียบกับสำรองขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 141% ในปี 2555 เป็น 187% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ปริมาณสำรองส่วนเกินลดลงเนื่องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยสำรองที่มีอยู่ลดลงมาที่ 131% ของสำรองขั้นต่ำ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเผชิญความท้าทายในการรักษาคุณภาพของสินเชื่อมิให้เสื่อมถอยลงไปอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่เอื้ออำนวย

ธนาคารมีกำไรสุทธิในปี 2556 จำนวน 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของธนาคารลดลงอย่างมากในงวดครึ่งแรกของปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 46% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 37% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น 13% อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในครึ่งแรกของปี 2557 เท่ากับ 0.51% (ไม่ได้ปรับเป็นรายปี) เทียบกับ 0.98% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ แม้ว่าธนาคารจะยังคงรักษาระดับผลตอบแทนที่สูงในธุรกิจหลักเอาไว้ได้ แต่ต้นทุนทางการเงินยังคงสูงที่สุดในระบบอันสะท้อนถึงความสามารถทางการแข่งขันของคู่แข่งที่มากกว่าธนาคาร เงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารลดลงเนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อ แต่ยังคงเพียงพอสำหรับการเติบโตในอนาคต โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 13.29% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 13.72% ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวของธนาคารยังคงสูงกว่าอัตราส่วนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 6.00% และ 8.50% ตามลำดับ

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KK154A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A-
KK157A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 754 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A-
KK164A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
KK165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
KK168A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
KK16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 975 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
KK172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
KK174B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
KK187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 240 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
KK18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 625 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
KK18DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ