บริษัทปริญสิริก่อตั้งในปี 2543 โดยกลุ่มตระกูลโกวิทจินดาชัยและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2548 กลุ่มตระกูลโกวิทจินดาชัยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทในสัดส่วน 38% ของหุ้นทั้งหมด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายซึ่งรวมถึงบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมที่เน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับปานกลางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ เดือนมิถุนายน 2557 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 23 โครงการ ด้วยมูลค่าเหลือขายประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่วนมาก (73%) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ในขณะที่ 21% เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ และ 6% เป็นโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้จำนวน 1,105 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการทาวน์เฮาส์ รายได้ของบริษัทช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ระหว่าง 2,000-3,000 ล้านบาท ลดลงจาก 4,000-5,000 ล้านบาทในช่วงปี 2551-2553 รายได้ที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ลดลงและการก่อสร้างที่ล่าช้า นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังประสบกับปัญหาการบริหารงานขายและการก่อสร้างในหลายโครงการซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานลดต่ำลง รายได้ทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เท่ากับ 1,042 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการทาวน์เฮ้าส์ซึ่งเป็นรายได้หลักลดลงเป็น 300 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จาก 700 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ทั้งนี้ รายได้จากโครงการทาวน์เฮ้าส์ของบริษัทโดยปกติจะอยู่ระหว่าง 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทลดลงจาก 15.88% ในปี 2555 เป็น 11.56% ในปี 2556 และ 6.70% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ซึ่งต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 10% อัตราส่วนดังกล่าวลดลงเนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารยังคงอยู่ในระดับสูง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อยู่ที่ 58.25% เพิ่มขึ้นจาก 44.82% ในปี 2556 อัตราส่วนดังกล่าวนี้สูงกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนของบริษัทเท่ากับ 1.4 เท่า โดยข้อกำหนดทางการเงินทำให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 2 เท่า ผลการดำเนินงานที่ต่ำลง และหนี้สินที่สูงขึ้นทำให้ความเข้มแข็งของกระแสเงินสดของบริษัทอ่อนลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเท่ากับ 3.21% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2557 ลดลงจาก 11.89% ในปี 2555 และ 4.84% ในปี 2556
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html