กรุงเทพ--3 ต.ค.--ทริส
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2540 ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศเครดิตวาระลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน มูลค่า 500 ล้านบาทและหุ้นกู้แปลงสภาพไม่มีประกัน 1,300 ล้านบาท ของบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) จากเดิมที่ระดับ BBB เป็น BBB- ซึ่งสะท้อนความเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยางมะตอยจากการตัดงบประมาณของรัฐบาลและสภาพปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งการลดลงอย่างรวดเร็วของค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะทำให้ต้นทุนค่าวัตถุดิบของบริษัทเพิ่มขึ้นและจะกระทบต่อฐานะทางการเงิน ในขณะที่ความเป็นผู้นำทางการตลาดของบริษัทน่าจะช่วยรักษาประสิทธิภาพในการทำกำไรให้คงอยู่ในระดับที่น่าพอใจได้
จากการคาดการณ์ว่าการตัดงบประมาณของรัฐบาลมีผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างถนน โดยที่งบประมาณรวมสำหรับปีงบประมาณ 2541 ถูกตัดลง 2% จาก 944 พันล้านบาท เป็น 923 พันล้านบาท และด้วยรายได้ของรัฐบาลที่คาดว่าจะลดลงทริสคาดว่างบประมาณของรัฐบาลน่าจะถูกตัดลงไปอีกอย่างต่อเนื่อง และงบประมาณสำหรับกิจการขนส่งทางบกก็น่าจะถูกตัดลงด้วยในปีงบประมาณหน้า นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลที่จะชอลอการลงทุนในโครงการก่อสร้างถนนในหลายโครงการจะทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ยางมะตอยลดลงในอนาคตอันใกล้ ในส่วนของทิปโก้แอสพัลท์นั้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2540 วงเงินกู้ยืมโดยรวมของบริษัทมีจำนวน 3,837 ล้านบาท ซึ่ง 67% อยู่ในสกุลเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระค่าเช่าเรืออีก 8.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะต้องแบ่งจ่ายภายใน 13 ไตรมาส ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ได้กำหนดไว้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้แปลงสภาพเงินตราต่างประเทศจำนวน 76% ของเงินกู้ยืมต่างประเทศทั้งหมดช่วยจำกัดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยให้สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% ต่อปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาทกับเงินกู้ยืมในเงินตราต่างประเทศหลายสกุล ในช่วงครึ่งหลังของปี 2540 ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทจะขึ้นอยู่กับค่าเช่า ภาระดอกเบี้ย และการใช้คืนเงินกู้ยืมระยะสั้นเป็นเงินตราต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 50% ของยอดขาย ต้นทุนของบริษัทน่าจะได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากค่าเงินบาทที่ลดลง การจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งภายในประเทศจะไม่ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากราคาซื้อขายกำหนดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นผู้นำตลาดซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด 75% ของตลาดยางมะตอยน้ำ ประกอบกับฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง บริษัทน่าจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและกำไรในระดับที่น่าพอใจไว้ได้ เมื่อเปรีบยเทียบกับปี 2539 ยอดขายในครึ่งแรกของปี 2540 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 40.6% เป็น 2,845 ล้านบาท นอกจากนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายก็เพิ่มขึ้นด้วยจาก 15.2% ณ สิ้นปี 2539 เป็น 18.8% ณ สิ้นงวดครึ่งปีแรกของปี 2540
ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวใช้แทนประกาศ "เครดิตพินิจ" ของทริสเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นผลมาจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจากระบบตะกร้าเงินเป็นระบบลอยตัวอันมีนัยความหมายของการลดค่าเงินบาท
หมายเหตุ: ทริสประกาศ "เครดิตวาระ" เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อธุรกิจหรือการเงินของหน่วยงานที่ทริสเคยจัดอันดับเครดิตไปแล้ว หรือเมื่อหน่วยงานดังกล่าวออกตราสารหนี้ใหม่หรือเมื่อมีการยกเลิกอันดับเครดิตเดิมโดยทริสจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยประกาศใน "ข่าวเครดิต" แล้ว--จบ--
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2540 ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศเครดิตวาระลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน มูลค่า 500 ล้านบาทและหุ้นกู้แปลงสภาพไม่มีประกัน 1,300 ล้านบาท ของบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) จากเดิมที่ระดับ BBB เป็น BBB- ซึ่งสะท้อนความเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยางมะตอยจากการตัดงบประมาณของรัฐบาลและสภาพปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งการลดลงอย่างรวดเร็วของค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะทำให้ต้นทุนค่าวัตถุดิบของบริษัทเพิ่มขึ้นและจะกระทบต่อฐานะทางการเงิน ในขณะที่ความเป็นผู้นำทางการตลาดของบริษัทน่าจะช่วยรักษาประสิทธิภาพในการทำกำไรให้คงอยู่ในระดับที่น่าพอใจได้
จากการคาดการณ์ว่าการตัดงบประมาณของรัฐบาลมีผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างถนน โดยที่งบประมาณรวมสำหรับปีงบประมาณ 2541 ถูกตัดลง 2% จาก 944 พันล้านบาท เป็น 923 พันล้านบาท และด้วยรายได้ของรัฐบาลที่คาดว่าจะลดลงทริสคาดว่างบประมาณของรัฐบาลน่าจะถูกตัดลงไปอีกอย่างต่อเนื่อง และงบประมาณสำหรับกิจการขนส่งทางบกก็น่าจะถูกตัดลงด้วยในปีงบประมาณหน้า นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลที่จะชอลอการลงทุนในโครงการก่อสร้างถนนในหลายโครงการจะทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ยางมะตอยลดลงในอนาคตอันใกล้ ในส่วนของทิปโก้แอสพัลท์นั้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2540 วงเงินกู้ยืมโดยรวมของบริษัทมีจำนวน 3,837 ล้านบาท ซึ่ง 67% อยู่ในสกุลเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระค่าเช่าเรืออีก 8.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะต้องแบ่งจ่ายภายใน 13 ไตรมาส ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ได้กำหนดไว้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้แปลงสภาพเงินตราต่างประเทศจำนวน 76% ของเงินกู้ยืมต่างประเทศทั้งหมดช่วยจำกัดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยให้สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% ต่อปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาทกับเงินกู้ยืมในเงินตราต่างประเทศหลายสกุล ในช่วงครึ่งหลังของปี 2540 ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทจะขึ้นอยู่กับค่าเช่า ภาระดอกเบี้ย และการใช้คืนเงินกู้ยืมระยะสั้นเป็นเงินตราต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 50% ของยอดขาย ต้นทุนของบริษัทน่าจะได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากค่าเงินบาทที่ลดลง การจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งภายในประเทศจะไม่ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากราคาซื้อขายกำหนดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นผู้นำตลาดซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด 75% ของตลาดยางมะตอยน้ำ ประกอบกับฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง บริษัทน่าจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและกำไรในระดับที่น่าพอใจไว้ได้ เมื่อเปรีบยเทียบกับปี 2539 ยอดขายในครึ่งแรกของปี 2540 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 40.6% เป็น 2,845 ล้านบาท นอกจากนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายก็เพิ่มขึ้นด้วยจาก 15.2% ณ สิ้นปี 2539 เป็น 18.8% ณ สิ้นงวดครึ่งปีแรกของปี 2540
ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวใช้แทนประกาศ "เครดิตพินิจ" ของทริสเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นผลมาจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจากระบบตะกร้าเงินเป็นระบบลอยตัวอันมีนัยความหมายของการลดค่าเงินบาท
หมายเหตุ: ทริสประกาศ "เครดิตวาระ" เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อธุรกิจหรือการเงินของหน่วยงานที่ทริสเคยจัดอันดับเครดิตไปแล้ว หรือเมื่อหน่วยงานดังกล่าวออกตราสารหนี้ใหม่หรือเมื่อมีการยกเลิกอันดับเครดิตเดิมโดยทริสจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยประกาศใน "ข่าวเครดิต" แล้ว--จบ--