ภายหลังจากการเพิ่มทุนในเดือนกรกฎาคม 2557 บริษัทก็มีเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น โดยในวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 บริษัทได้เพิ่มทุนจำนวน 532 ล้านบาทโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (Private Placement) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ ต.ล.ท. กระทรวงการคลัง และธนาคารออมสิน ทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1,016 ล้านบาทเป็น 1,549 ล้านบาท โดย ต.ล.ท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในสัดส่วน 40.65% ตามด้วยกระทรวงการคลัง 10.56% และธนาคารออมสิน 9.5% นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นอื่น ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ 11.89% บริษัทหลักทรัพย์ 10.9% บริษัทจัดการกองทุน 9.7% บริษัทประกัน 2.82% และอื่น ๆ อีก 0.03% อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อสินทรัพย์รวมแข็งแกร่งขึ้นจาก 29.3% ในปี 2552 เป็น 53.1% ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551 จากการหักขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากการลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย ภายหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2552 ผลการดำเนินงานของบริษัทก็ยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ สาเหตุมาจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2556 และแข็งแกร่งกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ ซึ่งฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัทจะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจตามแผน โดยบริษัทสามารถทำกำไรจำนวน 25 ล้านบาทในปี 2556 และต่อเนื่องเป็น 23 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557
ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,046 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในสัดส่วน 94% หรือ 2,875 ล้านบาท บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจหลักด้วยเหตุผล 2 ประการ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและความท้าทายในตลาดหลังจากที่บริษัทกลับเข้าสู่ธุรกิจการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์อื่น ๆ ได้ขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์อย่างรวดเร็วในระหว่างปี 2553 ถึงเดือนกันยายน 2557 ซึ่งทำให้ขนาดของสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของทั้งอุตสาหกรรมขยายตัวจาก 16,000 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 56,000 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2557 ผลกระทบจากวิกฤติการเงินเมื่อปี 2552 ทำให้พอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงอย่างอย่างมากจาก 6,377 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2551 เป็น 2,737 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2557 ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลงอย่างมากและอย่างต่อเนื่องจาก 24% ในเดือนกันยายน 2551 เหลือ 5% ในเดือนกันยายน 2557 จากสาเหตุที่บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ภายหลังการเพิ่มทุนในเดือนกรกฎาคม 2557 บริษัทก็สามารถลดต้นทุนทางการเงินให้ต่ำลงได้ โดยบริษัทได้ทำการหาแหล่งเงินกู้ระยะยาวใหม่ ๆ เพื่อนำมาจ่ายคืนเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ปัจจุบันบริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้นและมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทได้รับวงเงินกู้จำนวน 53,300 ล้านบาทจากสถาบันการเงินในประเทศหลายแห่ง
ในด้านคุณภาพของสินทรัพย์นั้น ในปี 2556 บริษัทได้พัฒนาและใช้หลักเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นในการจัดระดับของหลักทรัพย์ที่นำมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวช่วยสะท้อนระดับความเสี่ยงของหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันและช่วยจำกัดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ได้โดยมีความเข้มงวดในการเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) และการบังคับขาย (Force Sell) รวมทั้งคงเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อและหลักประกันที่เข้มงวดกวดขันต่อไป บริษัทมีแผนในการกลับมาทำธุรกิจให้สินเชื่อแก่บริษัทหลักทรัพย์อีกครั้งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคือการให้สภาพคล่องแก่บริษัทหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจดังกล่าวก็อาจสร้างความท้าทายในการบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ บริษัทก็ยังมีผลงานในธุรกิจดังกล่าวไม่มากนัก
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html