ในเดือนพฤศจิกายน 2555 บริษัทเริ่มเดินเครื่อง APM3 เป็นครั้งแรก โดยโรงงานผลิตกระดาษแห่งนี้มีกำลังการผลิต 220,000 ตันต่อปี และบริษัทใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท ซึ่ง APM3 ถือเป็นโรงงานผลิตกระดาษที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับโรงงานผลิตกระดาษอื่น ๆ ของบริษัท และได้รับการออกแบบให้ใช้เยื่อใยสั้นเป็นวัตถุดิบ 100% APM3 เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2556 และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 85% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ในเดือนมกราคม 2556 บริษัทซื้อโรงงานผลิตกระดาษ Alizay ในราคา 18 ล้านยูโร โดยโรงงานผลิตกระดาษแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศฝรั่งเศสและมีกำลังการผลิต 300,000 ตันต่อปี แต่ได้หยุดผลิตไปตั้งแต่ในปี 2555 บริษัทต้องใช้เงินลงทุนอีกจำนวน 17 ล้านยูโรเพื่อให้โรงงานดังกล่าวกลับมาผลิตได้อีก ซึ่งโรงงาน Alizay จะเป็นฐานการผลิตของบริษัทสำหรับป้อนตลาดในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง อาฟริกา และอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ โรงงาน Alizay เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤษภาคม 2556 และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 54% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอลงในปี 2556-2557 โดยความพยายามในการสร้างตราสัญลักษณ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในทวีปยุโรปซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน Alizay ได้ส่งผลให้รายจ่ายทางการตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 จนกระทบผลประกอบการของปี 2556 ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 แม้รายจ่ายทางการตลาดของบริษัทได้ลดต่ำลงมาอยู่ในระดับปกติ แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตคงที่ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานแห่งใหม่ซึ่งยังไม่ได้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเหลือ 18.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับ 25.4% ในช่วงปี 2554-2556 และทำให้อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทลดลงเหลือ 6.8% เมื่อเทียบกับ 10.6% ในช่วงปี 2554-2556
อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1.9 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับ 2.6 เท่าในช่วงปี 2554-2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ 57% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยการตีราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาทในปี 2556 ได้ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2557 และจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งหลังจากปี 2558 เป็นต้นไป บริษัทมีแผนจะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท เนชั่นแนลเพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ จาก 36.2% ลงเหลือ 25.5% ในช่วงปลายปี 2557 ทั้งนี้ หากไม่นับกำไรจำนวน 900 ล้านบาทที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากธุรกรรมดังกล่าวแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะขาดทุนจากการดำเนินงานประมาณ 1,000 ล้านบาทในปี 2557 ในช่วงระหว่างปี 2558-2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 24,000-26,000 ล้านบาทต่อปี โดยอัตราส่วนกำไรน่าจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 12%-13% ตามการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้เงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ราว 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปีและหนี้ที่ครบกำหนดอีกประมาณ 3,000-4,500 ล้านบาทต่อปีแล้ว บริษัทมีแนวโน้มที่จะทำการกู้ยืมเพื่อชำระหนี้ที่ครบกำหนดบางส่วน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html