ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “AA-” จากระดับ “A+” พร้อมทั้งยกเลิก “เครดิตพินิจ” “Developing” หรือ “ไม่ชัดเจน” และกำหนดแนวโน้มอันดับเครดิตให้เป็น “Stable” หรือ “คงที่” แทน การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนถึงระดับความน่าเชื่อถือที่แข็งแกร่งขึ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท โดยธนาคารได้รับการปรับอันดับเครดิตองค์กรเพิ่มเป็น “AAA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” จากทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร โดยธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของบริษัทมีส่วนสนับสนุนให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารพาณิชย์แบบครบวงจร อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทมีพื้นฐานมาจากคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์และฐานะการเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังสะท้อนถึงปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ สัดส่วนการกู้ยืมที่ลดลงหลังจากการเพิ่มทุนที่เพิ่งผ่านมา ระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง และความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับสูงจากการที่สามารถรับเงินสนับสนุนจากธนาคารได้อย่างไม่จำกัด ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทจะมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารต่อไป แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของผู้บริหารของบริษัทในการรักษาฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าปัจจัยเอื้ออำนวยต่าง ๆ เช่น ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงความสามารถในการทำไรให้ดีขึ้นและดำรงฐานทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับการป้องกันความเสี่ยงในช่วงขาลงของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานต์ยนต์ได้
บริษัทอยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีสมีฐานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยบริษัทมียอดลูกหนี้คงค้างทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วน 18% ของยอดสินเชื่อตามงบการเงินรวมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ณ เดือนกันยายน 2557 ในขณะที่มีรายได้สุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2557 คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้สุทธิตามงบการเงินรวมของธนาคาร การสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดว่าจะช่วยยกระดับฐานะทางการตลาดในธุรกิจหลักและเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้มากยิ่งขึ้น บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทลูกที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินในลำดับต้น ๆ จากธนาคาร ดังจะเห็นได้จากเงินให้กู้ยืมที่บริษัทได้รับจากธนาคารในสัดส่วนถึง 55% ของเงินกู้รวมที่ธนาคารให้แก่บริษัทในเครือ ณ เดือนกันยายน 2557
ก่อนปี 2557 บริษัทเป็นบริษัทลูกเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาภายใต้ชื่อ “กรุงศรี ออโต้” (Krungsri Auto) โดยเป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว และรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันด้วย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2557 บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ในรูปแบบใหม่ โดยสินเชื่อรถยนต์ที่ปล่อยใหม่ทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันจะถูกบันทึกที่บัญชีของธนาคาร ทำให้ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทจะมีเพียงการให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์และการบริหารสินเชื่อรถยนต์คงค้างเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจของ “กลุ่มกรุงศรี” (Krungsri Group) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและก่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังจะเป็นผู้ให้บริการเก็บหนี้ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันให้แก่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในบรรดาผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ทั้ง 10 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดยมียอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รวม 9.3 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 26% และขยายตัวเป็น 10.5 พันล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2557
ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจที่ยาวนานถึง 20 ปี บริษัทสามารถสร้างคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและพัฒนารูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็งจนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการแข่งขันและยังคงฐานะความเป็นผู้นำอยู่ได้ บริษัทประยุกต์ใช้รูปแบบการบริหารความเสี่ยงตามแนวปฏิบัติของธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งได้รับแนวทางมาจาก GE Capital International Holdings Corporation (GECIH) ซึ่งเป็นอดีตผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร และ Bank of Tokyo Mitsubishi UFJ Co., Ltd. (BTMU) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคารในปัจจุบัน นอกจากนี้ ทั้งบริษัทและธนาคารกรุงศรีอยุธยาต่างก็ได้รับการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยภายใต้มาตรฐานเดียวกันด้วย การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่รัดกุมและระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพช่วยทำให้บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีในปี 2555 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งหมายถึงสินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไปต่อยอดคงค้างสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยของบริษัทลดลงจากระดับ 1.89% เมื่อสิ้นปี 2554 มาอยู่ในระดับ 1.25% เมื่อสิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.62% เมื่อสิ้นปี 2556 และ 1.76% ณ เดือนกันยายน 2557 เนื่องจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงเล็กน้อยในปี 2556 เนื่องจากระดับราคารถยนต์ใช้แล้วและรถจักรยานยนต์ใช้แล้วที่ลดต่ำลงอย่างมาก ทำให้บริษัทแสดงผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์รอการขายอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ รายได้สุทธิของบริษัทลดลงเป็น 3,443 ล้านบาท ในปี 2556 จาก 4,750 ล้านบาทในปี 2555 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยในปี 2556 ก็ลดลงเช่นกัน โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 1.6% ในปี 2556 จาก 2.68% ในปี 2555 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 15.94% ในปี 2556 จาก 27.14% ในปี 2555 ในขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากผลขาดทุนขากการขายสินทรัพย์รอการขายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้สุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เท่ากับ 2,300 ล้านบาท ลดลง 16% จาก 2,746 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 จึงทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 (ไม่ได้ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) ลดลงเป็น 1.13% และ 8.75% ตามลำดับ จาก 1.27% และ 12.92% ในช่วง 9 เดือนแรกของปื 2556
ความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับสูงของบริษัทเกิดจากการที่บริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับธุรกรรมการปล่อยกู้และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยาถือหุ้นอยู่ไม่ต่ำกว่า 75% ของทุนที่ออกและชำระแล้ว (มีสถานะเป็น Solo Consolidated Subsidiary) จึงส่งผลให้บริษัทต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยายังสามารถให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทโดยไม่จำกัดวงเงินอีกด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มความแข็งแกร่งของฐานทุนผ่านการปรับโครงสร้างเงินทุน โดยหลังจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นต่างชาติ สถานะของบริษัทจึงเปลี่ยนเป็นบริษัทต่างชาติด้วยเช่นกัน โดยภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกำหนดให้บริษัทต้องดำรงฐานทุนที่เพียงพอเพื่อรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ให้ต่ำกว่า 7 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2557 บริษัทได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทและจัดสรรกำไรสะสม 20,900 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในรูปแบบของการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 25,545 ล้านบาทจาก 1,045 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 28,367 ล้านบาทจาก 24,092 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2557 ด้วยเหตุนี้ อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมจึงเพิ่มขึ้นจาก 11.38% ณ เดือนมีนาคม 2557 เป็น 14.53% ณ เดือนมิถุนายน 2557 และ 16.27% ณ เดือนกันยายน 2557 อีกทั้งยังทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 7.6 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2557 เป็น 5.7 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2557 และยังลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 5 เท่า ณ เดือนกันยายน 2557
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html